พิษณุโลก - ชาวบ้านพรหมพิราม รวมตัวขึ้นโรงพัก แจ้งความลงบันทึกประจำวัน หลังรู้ตัวถุกหลอกจ่ายเงินสมัคร “โครงการสวัสดิการเพื่อสมาชิกหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง” พมจ.ยันชัดเป็นสมาคเถื่อน ไม่จดทะเบียน แต่หลอกคนสมัครทั่วประเทศ ผิดกฎหมาย 3 มาตรารวด
นางบุญยืน ช่อกลาง อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133/1 ม.3 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก พร้อมชาวบ้านจากหมู่ 3 และหมู่ 4 ต.มะตูม ได้รวมตัวกันเข้าแจ้งความ และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ต่อ พ.ต.ท.มนู หรศาสตร์ พนักงานสืบสวน สภ.พรหมพิราม เมื่อเย็นวานนี้(30 พ.ค.) หลังถูกชักชวนให้หลงเชื่อสมัครโครงการสวัสดิการเพื่อสมาชิกหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง สูญเงินไปรายละ 1,500 บาท
นางบุญยืน เล่าให้ฟังว่า เมื่อต้นปี 2558 ที่ผ่านมา มีคนรู้จักมาชักชวนให้เข้าร่วมโครงการสวัสดิการ เพื่อสมาชิกหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง ในรูปแบบคล้ายการจ่ายเงินฌาปนกิจ โดยมีการเรียกเก็บเงินครั้งแรกในวันที่สมัครเป็นเงิน 1,500 บาท แบ่งเป็นค่าสมัคร 1,000 บาท และเงินสวัสดิการรับฝากล่วงหน้า 500 บาท หากสมาชิกอยู่ครบ 180 วัน จะได้รับเงินฌาปนกิจ เป็นหลักแสนบาท ขึ้นอยู่กับยอดสมาชิก ณ ปัจจุบัน
ซึ่งตนเห็นว่า เป็นการออมเงินที่ดี หากเป็นอะไรไป อย่างน้อยจะได้มีเงินเป็นค่าทำศพ ไม่ลำบากครอบครัว ประกอบกับโครงการดังกล่าวดูน่าเชื่อถือ จึงได้ชักชวนเพื่อนบ้านใกล้เคียงอีกหลายรายเข้าร่วมสมัคร และก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน มีเจ้าหน้าที่จากโครงการฯโทรมาว่า ให้รีบไปชำระเงินอีกจำนวน 1,500 บาท เนื่องจากจะครบกำหนดในวันที่ 1 มิ.ย.นี้
จากนั้นตนพยายามไปติดต่อตามธนาคารที่ระบุไว้ตามเอกสารบัตรที่ได้รับมา ปรากฏว่า ทางธนาคารไม่สามารถรับชำระเงินให้ได้ ตนจึงติดต่อกลับไปที่เจ้าหน้าที่โครงการฯ ปรากฏว่าคนที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ให้หมายเลขบัญชีส่วนตัวมา ตนก็เริ่มแปลกใจ
จนกระทั่งทราบว่าเป็นโครงการที่ไม่ได้ลงทะเบียนอย่างถูกต้อง จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว เพราะมีชาวบ้านในพื้นที่อีกจำนวนมากที่สมัครเข้าร่วมโครงการนี้
ด้านนายธานินทร์ สมบูรณ์สาร พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก ได้กล่าวว่า โครงการฯดังกล่าวถือว่าเป็นสมาคมเถื่อน ลักษณะการรวมกลุ่มจัดตั้งในรูปแบบฌาปนกิจสงเคราะห์ แต่ไม่ได้ทำการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ จากนายทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ประจำท้องที่ให้ถูกต้อง แต่มีการเปิดรับสมัครสมาชิกและตัวแทนทั่วประเทศ จึงเป็นการชักชวน ชี้ช่อง หรือจากการโดยวิธีอื่นที่คล้ายคลึงกัน ให้ผู้อื่นรับสมัครเป็นสมาชิกของสมาคม ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และได้รับประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินหรือทรัพย์สิน ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 33 มาตรา 34 และมาตรา66 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนตอนนี้ คือ ต้องให้ผู้ที่ถูกหลอกเข้าแจ้งความ และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และย้ำเตือนว่า อย่าหลงเชื่อสมัครเป็นสมาชิก ส่วนผู้ที่สมัครไปแล้วต้องดูเป็นกรณี เพื่อหาทางช่วยเหลือ ในด้านของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเร่งสืบสวนหาต้นตอของขบวนการนี้ เนื่องจากมีประชาชนในหลายพื้นที่ ที่ถูกหลอกให้สมัครเป็นสมาชิก และแพร่หลายไปในหลายจังหวัดคาดมูลค่าเสียหายหลายล้านบาท