ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เปิดบัญชีทรัพย์สินวัดบ้านไร่ เผยมีเงินฝาก 5 บัญชีหลักรวมกว่า 70 ล้านบาท ส่วนบัญชีที่ 5 ของ “วิหารเทพวิทยาคม” กลางน้ำบ้านไร่กับ “บัตรเติมบุญ” อันลือลั่น มีผู้ดูแลคนเดียวยังไม่เปิดเผยตัวเลข ขณะทางอำเภอด่านขุนทดเรียกประชุมวางแผนดูแลทรัพย์สินวัดบ้านไร่
วันนี้ (18 พ.ค.) นายธวัช เรืองหร่าย อดีตไวยาวัจกรวัดบ้านไร่ ลูกศิษย์ใกล้ชิด พระเทพวิทยาคม (หลวงพอคูณ ปริสุทโธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่มรณภาพเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา เปิดเผยถึงทรัพย์สินของวัดบ้านไร่ว่า ปัจจุบันมีบัญชีเงินฝากธนาคารอยู่จำนวน 3 บัญชีหลัก คือ บัญชีส่วนตัว ของ พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) ซึ่งเป็นเงินมาจากการบริจาคทำบุญในตู้บริจาคภายในวัดบ้านไร่ทั้งหมด โดยหลวงพ่อคูณเป็นผู้ลงนามเบิกจ่ายเงินในบัญชีได้เพียงคนเดียว
โดยเงินที่ได้จากตู้บริจาคของวัดดังกล่าวจะถูกนำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายประจำในการบริหารจัดการต่างๆ ของวัดบ้านไร่ทั้งหมด ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเจ้าหน้าที่พยาบาล เป็นต้น ส่วนที่เหลือจะถูกนำไปฝากเข้าบัญชีของหลวงพ่อคูณ ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อได้เงินทำบุญมาหลวงพ่อก็จะบริจาคให้สาธารณประโยชน์ไปเกือบทั้งหมด ทราบว่าล่าสุดขณะนี้มีเงินเหลือในบัญชีประมาณ 2-3 แสนบาท
ส่วนบัญชีที่ 2 คือ “บัญชี 90” ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากธนาคารที่หลวงพ่อตั้งใจจะนำน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อได้ครบจำนวน 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นความตั้งใจสุดท้ายอันยิ่งใหญ่ของหลวงพ่อคูณก่อนละสังขาร โดยเงินส่วนนี้ได้มาจากการสร้างวัตถุมงคลให้เช่า ตั้งมาได้ไม่นานประมาณ 2-3 ปีเท่านั้น ล่าสุดมีเงินในบัญชีประมาณ 17 ล้านบาท ผู้มีอำนาจในการเบิกจ่ายมี 3 คน คือ พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์ สุรคุปต์ ประธานกรรมการวัดบ้านไร่ นายธวัช เรืองหร่าย ไวยาวัจกรวัดบ้านไร่ และ นายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ หรือไก่โต้ง เลขานุการคณะกรรมการวัดบ้านไร่
บัญชีที่ 3 คือ บัญชีเงินฝากธนาคารของ พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ตั้งอยู่ภายในวัดบ้านไร่ โดยรายได้จากการบริจาคในพิพิธภัณฑ์ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายจะนำเข้าบัญชีนี้ มีเงินอยู่ประมาณ 6-7 ล้านบาท ผู้ที่มีอำนาจในการลงนามเบิกจ่ายมี 3 คน คือ นายธวัช เรืองหร่าย ไวยาวัจกรวัดบ้านไร่ นายธวัฒน์ชัย แสนประสิทธิ์ กำนัน ต.กุดพิมาน และนายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ หรือไก่โต้ง เลขานุการคณะกรรมการวัดบ้านไร่
นายธวัชกล่าวอีกว่า สำหรับวิหารเทพวิยาคม ซึ่งเป็นวิหารกลางน้ำนั้น บัญชีเงินฝากธนาคารได้ใช้ชื่อบัญชีมูลนิธิหลวงพ่อคูณ ที่มี นายเกรียงไกร จารุทวี ผู้บริหารกิจการวิหารเทพวิทยาคม และดูแลเงินรายได้จากวิหารเทพวิทยาคม ทั้งเงินบริจาค เงินทำบุญจากบัตรเติมบุญต่างๆ เพียงคนเดียว ซึ่งปัจจุบันไม่ทราบว่ามีเงินอยู่ในบัญชีจำนวนเท่าใด
นอกจากนั้น ยังมีบัญชีเงินฝากของ มูลนิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่ทางจังหวัดนครราชสีมาเป็นผู้ดูแล โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานมูลนิธิฯ โดยตำแหน่งนายอำเภอด่านขุนทดเป็นเลขาธิการมูลนิธิฯ และ นางปทุม กุลกำจร เป็นเหรัญญิก ซึ่งทางมูลนิธิได้นำดอกผลมาใช้บริจาคเพื่อการสาธารณกุศล มอบทุนการศึกษา ทุนอาหารกลางวัน ให้แก่เด็กนักเรียนนักศึกษายากจนเป็นประจำทุกปี ทราบว่าปัจจุบันมีเงินกองทุนอยู่ประมาณ 47 ล้านบาท
“หลังเสร็จสิ้นภารกิจบำเพ็ญกุศลหลวงพ่อคูณที่ จ.ขอนแก่นแล้ว ทางลูกศิษย์และอดีตกรรมการวัดบ้านไร่จะมีการหารือกัน โดยจะนัดประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องพร้อมนิมนต์เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมามาเป็นประธานการประชุม เพื่อดำเนินการจัดการทรัพย์สินวัดบ้านไร่ทั้งหมด รวมถึงเรื่องการแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่รูปใหม่ที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ด้วย ซึ่งคณะกรรมการวัดบ้านไร่และตำแหน่งต่างๆ ในวัดบ้านไร่เองถือว่าสิ้นสุดลงเมื่อหลวงพ่อคูณได้มรณภาพด้วยเช่นกัน” นายธวัชกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ (18 พ.ค.) นายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา นายอำเภอด่านขุนทด ได้เรียกประชุม หารือกับหน่วยงานราชการและผู้เกี่ยวข้องในการวางแผน บริหารจัดการ ทรัพย์สินของวัดให้เป็นไปอย่างเหมาะสม และไม่ให้มีเสียงครหา ที่วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา