ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เจ้าหน้าที่ยังฉีดน้ำ และเฝ้าระวังอาคารพาณิชย์ โกดังเก็บสินค้ากลางเมืองเชียงใหม่ที่ถูกไฟไหม้ หลังเกิดเหตุตั้งแต่เย็นวานนี้(17 พ.ค.) หวั่นความร้อนสะสมไฟลุกไหม้ซ้ำ คาเสียหายหลายสิบล้าน ขณะที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบคาดไฟฟ้าลัดวงจร โครงสร้างเสียหายหนักอาจต้องทุบทิ้ง แต่ต้องรอวิศวกรตรวจสอบอย่างละเอียด
ช่วงสายวันนี้(18 พ.ค.) นายชาตรี เชื้อมโนชาญ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครเชียงใหม่ และกำลังพลทหารจากกองพันพัฒนาที่ 3 จำนวน 30 นาย เข้าติดตามความคืบหน้าการดับไฟที่จุดเกิดเหตุไฟไหม้อาคารพาณิชย์ 3 คูหา สูง 4 ชั้น ซึ่งเป็นโกดังเก็บสินค้าจำพวกสังฆภัณฑ์ ในตลาดศรีนครพิงค์ กลางเมืองเชียงใหม่ ที่เกิดไฟไหม้เมื่อช่วงเย็นวานนี้ และเจ้าหน้าที่ต้องทำการฉีดน้ำ พร้อมเฝ้าระวังตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เพื่อป้องกันการลุกไหม้ที่อาจจะเกิดขึ้นอีก
โดยนายชาตรี บอกว่า ถึงเวลานี้ยังต้องทำการฉีดน้ำในอาคารที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการลุกไหม้ขึ้นอีกเนื่องจากความร้อนสะสม ทั้งนี้สินค้าที่มีการจัดเก็บไว้ในโกดังเป็นจำนวนมาก ถือเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงได้เริ่มทำการรื้อถอนออกมาแล้ว ส่วนน้ำที่ท่วมขังอยู่ในอาคารแต่ละชั้นสูงประมาณ 30 เซนติเมตร จะทำการเจาะรูระบายน้ำออก เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดกับโครงสร้างของตัวอาคาร ส่วนมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นคาดว่าน่าจะหลายสิบล้านบาท
ด้าน พ.ต.อ. วีระยุทธ ประสพโชคชัย ผกก.สภ.เมือง พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยนำคนงานที่เห็นเหตุการณ์เข้าชี้จุดที่คาดว่าจะเป็นต้นเพลิง ซึ่งอยู่ชั้นล่างของอาคาร โดยเบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร อย่างไรก็ตามจะมีการเก็บรวบรวมหลักฐาน และตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป
ขณะที่นางเอื้อมพร โออริยกุล อายุ 73 ปี เจ้าของอาคารที่เกิดเหตุ บอกว่า อาคารหลังดังกล่าวมีอายุกว่า 20 ปีแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยมีการเปลี่ยนสายไฟฟ้าเลย โดยให้เช่าเป็นโกดังเก็บสินค้า ทั้งนี้อาคารที่ถูกไฟไหม้ครั้งนี้มีประกันภัยเฉพาะในส่วนของทรัพย์สิน ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ สินค้า และเครื่องใช้ไฟฟ้า วงเงินประมาณ 2.4 ล้านบาท แต่ไม่มีประกันภัยในส่วนของโครงสร้างอาคาร
นอกจากนี้จากการสอบถามเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างของอาคาร ระบุว่า ไฟที่ลุกไหม้และการฉีดน้ำเพื่อดับไฟ สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างอาคารเป็นอย่างมาก ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่อาจจะต้องทุบอาคารทิ้งเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตามต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียดโดยวิศวกรอีกครั้งหนึ่ง
ช่วงสายวันนี้(18 พ.ค.) นายชาตรี เชื้อมโนชาญ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครเชียงใหม่ และกำลังพลทหารจากกองพันพัฒนาที่ 3 จำนวน 30 นาย เข้าติดตามความคืบหน้าการดับไฟที่จุดเกิดเหตุไฟไหม้อาคารพาณิชย์ 3 คูหา สูง 4 ชั้น ซึ่งเป็นโกดังเก็บสินค้าจำพวกสังฆภัณฑ์ ในตลาดศรีนครพิงค์ กลางเมืองเชียงใหม่ ที่เกิดไฟไหม้เมื่อช่วงเย็นวานนี้ และเจ้าหน้าที่ต้องทำการฉีดน้ำ พร้อมเฝ้าระวังตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เพื่อป้องกันการลุกไหม้ที่อาจจะเกิดขึ้นอีก
โดยนายชาตรี บอกว่า ถึงเวลานี้ยังต้องทำการฉีดน้ำในอาคารที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการลุกไหม้ขึ้นอีกเนื่องจากความร้อนสะสม ทั้งนี้สินค้าที่มีการจัดเก็บไว้ในโกดังเป็นจำนวนมาก ถือเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงได้เริ่มทำการรื้อถอนออกมาแล้ว ส่วนน้ำที่ท่วมขังอยู่ในอาคารแต่ละชั้นสูงประมาณ 30 เซนติเมตร จะทำการเจาะรูระบายน้ำออก เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดกับโครงสร้างของตัวอาคาร ส่วนมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นคาดว่าน่าจะหลายสิบล้านบาท
ด้าน พ.ต.อ. วีระยุทธ ประสพโชคชัย ผกก.สภ.เมือง พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยนำคนงานที่เห็นเหตุการณ์เข้าชี้จุดที่คาดว่าจะเป็นต้นเพลิง ซึ่งอยู่ชั้นล่างของอาคาร โดยเบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร อย่างไรก็ตามจะมีการเก็บรวบรวมหลักฐาน และตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป
ขณะที่นางเอื้อมพร โออริยกุล อายุ 73 ปี เจ้าของอาคารที่เกิดเหตุ บอกว่า อาคารหลังดังกล่าวมีอายุกว่า 20 ปีแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยมีการเปลี่ยนสายไฟฟ้าเลย โดยให้เช่าเป็นโกดังเก็บสินค้า ทั้งนี้อาคารที่ถูกไฟไหม้ครั้งนี้มีประกันภัยเฉพาะในส่วนของทรัพย์สิน ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ สินค้า และเครื่องใช้ไฟฟ้า วงเงินประมาณ 2.4 ล้านบาท แต่ไม่มีประกันภัยในส่วนของโครงสร้างอาคาร
นอกจากนี้จากการสอบถามเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างของอาคาร ระบุว่า ไฟที่ลุกไหม้และการฉีดน้ำเพื่อดับไฟ สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างอาคารเป็นอย่างมาก ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่อาจจะต้องทุบอาคารทิ้งเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตามต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียดโดยวิศวกรอีกครั้งหนึ่ง
