ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - คณะแพทย์ รพ.มหาราชนครราชสีมา และ รพ.ศิริราช ร่วมออกประกาศอาการอาพาธหลวงพ่อคูณ ฉบับที่ 2 ระบุ สัญญาณชีพยังไม่คงที่ ต้องใช้ยากระตุ้นหัวใจ และเครื่องช่วยหายใจ มีเลือดออกในทางเดินอาหารจำนวนมาก และมีภาวะไตหยุดทำงาน ชี้เป็นภาวะแทรกซ้อนจากปอด และหัวใจหยุดทำงานเป็นระยะเวลานาน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา หลังถูกนำส่งเข้ารักษาเป็นการด่วนด้วยภาวะหยุดหายใจ อยู่ที่ห้องไอซียู หอผู้ป่วยหนักอายุรกรรม ชั้น 2 อาคารการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตั้งแต่เมื่อเช้าวันนี้ (15 พ.ค.) นั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 21.00 น.คณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และโรงพยาบาลศิริราช ได้ร่วมกันออกประกาศโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เรื่อง อาการอาพาธพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) ฉบับที่ 2 ระบุว่า ตามที่พระเทพวิทยาคม ได้เข้ารับการรักษา ณ หอผู้ป่วยหนักวิกฤต (ICU) โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2558 ผลของการตรวจของคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และคณะแพทย์โรงพยาบาลศิริราช เวลา 20.00 น. ดังนี้
1.สัญญาณชีพยังไม่คงที่ ต้องใช้ยากระตุ้นหัวใจ และเครื่องช่วยหายใจ
2.มีเลือดออกในทางเดินอาหารจำนวนมาก
3.มีภาวะไตหยุดทำงาน ไม่มีปัสสาวะออก
ซึ่งความผิดปกติทั้งหมดนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนจากปอด และหัวใจหยุดทำงานเป็นระยะเวลานาน
จึงประกาศมาเพื่อทราบ
ด้าน นพ.สมอาจ ตั้งเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา กล่าวว่า หลังการตรวจประเมินอาการหลวงพ่อคูณ ตอนี้เกิดภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น 1.ชีพจรในการทำงานมีความไม่สม่ำเสมอ 2.มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร 3.การทำงานของไต เริ่มมีการทำงานที่ไม่ดี มีการหยุดการทำงาน โดยทั้ง 3 ปัญหาเป็นเรื่องของภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากช่วงที่หยุดหายใจ และหัวใจมีการหยุดทำงานไปชั่วระยะหนึ่ง
ส่วนวิธีการดูแลรักษาพิเศษ เรื่องของสัญญาณชีพเราได้ใช้ทั้งเครื่องกระตุ้นการทำงานของหัวใจโดยใช้ยาช่วย ทำให้ปัญหายังไม่มากเท่าไหร่นัก ส่วนอันที่สอง เรื่องของเลือดออกทางเดินกระเพาะอาหาร เนื่องจากหลวงพ่อเคยได้รับยาเกี่ยวกับเรื่องหัวใจทำให้การแข็งตัวของเลือดมีปัญหาอยู่ระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งตอนนี้ใช้สารช่วยในการให้เลือดมีการแข็งตัวช่วยอยู่
ส่วนเรื่องไต เราคงต้องรออาการประเมินอีกภายใน 1 วันว่า การทำงานจะเพิ่มขึ้นระดับไหนคงต้องประเมินต่อไป และตอนนี้คงยังไม่สามารถตอบได้
สำหรับการย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศิริราชนั้น ตอนนี้คณะแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราชมาช่วยกันดูอยู่แล้ว คิดว่าตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็น การดูแลอยู่ที่นี่สามารถให้การดูแลรักษาได้
นพ.สมอาจ กล่าวต่อว่า สำหรับ 3 อาการนั้น การรักษาไม่เหมือนกันจะมีผลกระทบหรือไม่นั้น ตรงนี้มันเป็นเรื่องของแต่ละอาการแทรกซ้อนของแต่อวัยวะ ซึ่งการรักษาต้องรักษาพร้อมกัน ส่วนความกังวล และหนักใจของแพทย์นั้น ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงการตอบสนองของร่างกายมีเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตรงนี้เป็นความไม่แน่นอนที่เรายังไม่สามารถที่จะให้คำยืนยันว่า จะดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้นอย่างไร คงต้องมีการประเมินเป็นระยะ และคณะแพทย์ต้องดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ที่จะช่วยกันดูการเปลี่ยนแปลงในทุกระยะ
อย่างไรก็ตาม หากประเมินอาการอาพาธเริ่มต้นตั้งแต่ 05.00 น. กับล่าสุดตอนนี้ดีขึ้น หรือทรุดลงนั้น ในส่วนที่ดีขึ้นคือ เรื่องของสัญญาณชีพ จากที่เกิดอาการใหม่ๆ ที่มีปัญหามาก แต่ตอนนี้สัญญาณชีพความดันโลหิต ชีพจรอยู่ในเกณฑ์ที่ดี หัวใจก็ดี แต่อีกสองอย่าง คือ เรื่องของเลือดออกทางเดินอาหาร และเรื่องของการทำงานของไตที่หยุดทำงานไปช่วงระยะหนึ่งนั้น ต้องการการรักษาต่อเนื่อง และต้องประเมินเป็นระยะๆ