ตราด - นายก อบต.นนทรีย์ ผลักดันให้ชาวพระตะบองเดินทางเข้าตราด ด้านอำเภอบ่อไร่ หวังเพิ่มการค้าขาย และการท่องเที่ยว หวังให้เข้าหลักเกณฑ์เปิดจุดผ่านแดนถาวรหลังขยายเปิด 5 วัน/ค้า เพิ่ม 4 เท่าตัว
ร.ต.ท.คมพัชร ทักษิณ นายก อบต.นนทรีย์ อ.บ่อไร่ จ.ตราด เปิดเผยว่า หลังจากที่ทาง จ.ตราด ได้ทำการขยายวันเปิดจุดผ่อนปรนการค้าชั่วคราวบ้านมะม่วง กับบ้านคลองรถถัง ต.สัมรูด อ.สัมรูด จ.พระตะบอง จาก 3 วันเป็น 5 วัน เป็นเวลากว่า 4 เดือนมาแล้ว พบว่า มูลค่าการค้าขายระหว่าง 2 จังหวัด คือ จ.ตราด และ จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา
โดยผ่านจุดผ่อนการค้าชั่วคราวบ้านมะม่วง มีเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ปี 2556 มีมูลค่า 1.99 ล้านบาท ปี 2557 มีมูลค่า 4.43 ล้านบาท และ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 มีมูลค่า 16.57 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นสูงถึง 30-50 ล้านบาท เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2558 ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าตัว
อย่างไรก็ตาม มูลค่าการค้าที่มีน้อยในระดับแค่หลักสิบ หรือเกือบหลักร้อยล้าน/ปี ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ยกระดับด่านบ้านมะม่วงขึ้นเป็นจุดผ่านแดนถาวรได้ในอนาคต แม้จำนวนชาวพระตะบอง จะเดินทางมาเพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ ทางฝ่ายทหารได้อนุญาตให้มีการนำน้ำมันไปยังฝั่งกัมพูชาผ่านช่องทางนี้ได้แล้ว คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าการค้าได้อีกมาก
“ผมได้ทำการประสานกับทางอำเภอบ่อไร่ เพื่อให้มีการผลักดันให้ชาวเมืองพระตะบองเดินทางมายัง จ.ตราด โดยผ่านอ.บ่อไร่ และให้มีการค้ามากขึ้น เพราะชาวเมืองพระตะบอง มีกำลังซื้อสูงและจะทำให้มีมูลค่าการค้าระหว่าง 2 จังหวัดเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะชาวเมืองพระตะบองต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวของ จ.ตราด และเกาะช้าง เพราะหากจะให้แค่ ชาวสัมรูดอำเภอเดียวยังมีกำลังซื้อน้อยไป และอาจจะต้องใช้เวลาหลายปี ซึ่งหากทางจังหวัดและกระทรวงมหาดไทย อนุญาต จะทำให้บ้านมะม่วงสามารถยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวรได้ไม่ยาก”
นายก อบต.นนทรีย์ กล่าวว่า วันนี้มีนักลงทุนจากจีน และเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนก่อสร้างศูนย์แสดงสินค้า โรงแรมระดับ 5 ดาว ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว ตลาดขายสินค้านานาชาติ และถนนลาดยาง ที่จะเชื่อมไปสู่ จ.พระตะบอง ที่ห่างจากอำเภอบ่อไร่เพียง 60 กม. และจาก อ.สัมรูด เพียง 30-40 กม.ซึ่งทางกัมพูชาต้องการให้เป็นประตูรับคนไทยที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวที่นครวัด นครธม โดยเดินทางผ่าน อ.บ่อไร่ สู่จ.พระตะบอง แล้วเดินทางไปยังเสียมเรียบได้ หากทาง จ.ตราด ไม่ยกระดับ และพัฒนาให้ดีโอกาสที่จะทำให้กัมพูชาได้ประโยชน์จากเรื่องนี้มากกว่า จ.ตราด ด้วย
