ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ผู้ว่าฯ โคราช ผสานกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และท้องถิ่นกว่า 2,000 คน พร้อมเครื่องจักรกลหนัก ลุยรื้อร้านค้า “มอปลาย่าง” รุกเขื่อนลำตะคอง ประเดิมล็อตแรก 20 ร้าน ปิดฉากบุกรุกที่ดินรัฐมากว่า 20 ปี ไร้เหตุปะทะ เผยขณะเข้ารื้อบางรายดื้อไม่ยอมย้าย ผู้ว่าฯ พร้อมรองผู้ว่าฯ เข้ากล่อมก่อนจำนน ด้านธนารักษ์ข-กรมทางหลวง แจ้งจับข้อหาบุกรุกแล้ว 29 ร้าน ที่ดื้อไม่ยอมให้ความร่วมมือ
เมื่อเวลา 07.30 น.วันนี้ (8 พ.ค.) ที่สถานีวิจัยลำตะคอง ถ.มิตรภาพ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทั้ง ทหารกองทัพภาคที่ 2, ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, อาสาสมัครรักษาดินแดน (อ.ส.), อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อพ.ปร.), อาสาสมัครป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง กว่า 2,000 คน พร้อมเครื่องจักรกลหนัก ทั้งรถบรรทุก รถยก รถกระเช้า รถแม็กโฮและอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ เข้าปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์ “ฟ้าสางที่ลำตะคอง”
ทั้งนี้ เพื่อกระจายกำลังกันเข้าทำการรื้อย้ายอาคารร้านอาหาร อาคารที่พัก บุกรุกที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน ส.นม.2806 บริเวณริมอ่างเก็บน้ำลำตะคอง (มอปลาย่าง) บ้านเขาน้อย ม.12 ถ.มิตรภาพ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และบ้านคลองไผ่ หมู่ 1 ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ที่เป็นปัญหายืดเยื้อมากว่า 20 ปี
โดยได้แบ่งกำลังออกเป็น 20 ชุด เข้าทำการรื้อย้ายร้านอาหารจำนวน 20 ราย แบ่งเป็นผู้ประกอบการที่ยินยอมให้รื้อถอนจำนวน 13 ราย และไม่ยินยอมอีก 7 ราย ซึ่งกลุ่มหลังส่วนใหญ่เป็นร้านค้า อาคารที่ขนาดใหญ่ในกลุ่มแกนนำผู้ประกอบการที่คัดค้านการรื้อย้ายครั้งนี้ ที่เปิดกิจการให้บริการทั้งร้านอาหารและที่พัก เช่น วังกุ้งใหญ่,ครัวน้องเบนซ์, ลำตะคองซีฟู๊ด และ ครัวอีสาน เป็นต้น
ทั้งนี้ ก่อนเข้าปฏิบัติการรื้อถอน นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, นายวินัย วิทยานุกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และนายปัญญา วงศ์ศรีแก้ว นายอำเภอปากช่อง ต้องกระจายกันนำชุดเจ้าหน้าที่เข้าเจรจาชี้แจงต่อเจ้าของร้านค้าด้วยตนเองซึ่งบางร้านที่แสดงความไม่พอใจ ขว้างขวดแก้ว โยนโต๊ะเก้าอี้ใส่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้สื่อข่าว รวมถึงต่อว่าและสาปแช่งด้วยคำไม่สุภาพ แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด และสุดท้ายได้ยอมจำนนให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการรื้อย้ายแต่โดยดี
ขณะที่การจราจรบนถนนมิตรภาพในบริเวณดังกล่าวติดขัดเป็นระยะทางยาวกว่า 4 กิโลเมตร เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องใช้รถบรรทุกและเครื่องจักรกลเข้ารื้อถอนและขนย้ายสิ่งของ วัสดุ ทรัพย์สินต่างๆ ของแต่ละร้าน โดยทำการปิดถนนมิตรภาพจำนวน 1 ช่องจราจร
นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 20 ชุด สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ทุกจุด ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และการเข้าปฏิบัติการครั้งนี้ได้ทำเป็นขั้นเป็นตอนตามระเบียบของกฎหมายและจัดแปลงรองรับร้านค้าที่ถูกรื้อย้าย ไว้ให้ห่างจากจุดเดิมไปประมาณ 14 กม. หากวันนี้สามารถเข้าปฏิบัติการรื้อถอนร้านค้าที่เหลือได้ก็ให้ทำไปทั้งหมดทุกร้าน แต่หากเวลามีไม่พอและมืดค่ำก่อนก็จะเข้ามารื้อย้ายในภายหลัง
การดำเนินการวันนี้ได้ให้เวลาผู้ประกอบการมานานแล้ว หากผู้ที่ไม่ยินยอมเจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะเจรจาเพราะความจริงเราก็ไม่อยากรื้อแต่ต้องทำด้วยใจจำยอม เราก็ไม่สบายใจต้องไปรื้อบ้านคน แต่ด้วยข้อกฎหมายและระเบียบกฎเกณฑ์จำเป็นต้องรื้อย้ายเพื่อให้เป็นตัวอย่างที่อื่นๆ ด้วย ส่วนสิ่งของและทรัพย์สินของประกอบการรวมถึงวัสดุก่อสร้างที่รื้อถอนวันนี้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท้องถิ่นจะเป็นผู้เก็บรักษาไว้เพื่อให้เจ้าของมาติดต่อขอรับคืน พร้อมจ่ายค่ารื้อถอนให้กับหน่วยงานรัฐ
ด้าน พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสนับสนุนครั้งนี้กว่า 300 นาย ทั้งตำรวจชุดควบคุมฝูงชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรและดูแลความสงบเรียบร้อย วันนี้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีเหตุปะทะรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด มีเพียงการปะทะคารมกันเท่านั้นแต่สุดท้ายก็ให้ความร่วมมือกัน
ส่วนการดำเนินคดีกับผู้บุกรุกนั้น เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมาทางธนารักษ์พื้นที่นครราชสีมาได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ประกอบการร้านค้าที่ไม่ยินยอมแล้วจำนวน 29 ราย โดยผู้ถูกแจ้งความได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาก่อนปล่อยตัวไป ตนได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดการดำเนินคดี และคาดว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ขณะที่นายจริยะ สัตยารักษ์ รักษาราชการแทนธนารักษ์พื้นที่นครราชสีมา หน่วยงานรัฐที่ดูแลรับชิดที่ราชพัสดุและเป็นผู้เสียหายโดยตรง กล่าวว่า ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองสาหร่าย ให้ดำเนินคดีต่อผู้ประกอบการที่ไม่ยินยอมและต่อต้าน ตามรายชื่อที่ฟ้องศาลปกครอง แล้ว รวม 29 ราย ในข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐ ซึ่งหากมีการสอบสวนพบผู้กระทำผิด อาจจะมีต้องหาเพิ่มเติมมากกว่า 29 รายดังกล่าว และทราบว่าทางกรมทางหลวงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี กับผู้ประกอบการอีก 11 ราย ซึ่งอาจจะมีรายชื่อบางส่วนทับซ้อนกันบ้าง
