พิจิตร - ชลประทานพิจิตรเริ่มปล่อยน้ำให้ชาวนาได้ทำนากันแล้ว คาดจะมีแปลงนาที่ได้รับน้ำเต็มที่กว่า 3 แสนไร่ เตือนแม้จะเริ่มปล่อยน้ำให้บ้างแล้วแต่สถานการณ์โดยทั่วไปยังถือว่าวิกฤตอยู่ จะผ่อนคลายได้ต้องรอจากน้ำฝนเพียงอย่างเดียว
วันนี้ (1 พ.ค.) นายสมยศ แสงมณี ผอ.โครงการชลประทานจังหวัดพิจิตร เปิดเผยถึงการส่งน้ำของโครงการชลประทานจังหวัดพิจิตร โดยหยุดส่งน้ำให้ชาวนามาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 57-30 เมษายน 58 แต่ขณะนี้ถึงเวลาประกาศเข้าสู่ฤดูกาลปลูกข้าวนาปีของพิจิตรแล้ว ดังนั้นเพื่อให้ชาวนาได้มีน้ำทำนา วันนี้ชลประทานจังหวัดพิจิตรจึงได้ประสานงานกับเขื่อนนเรศวรและเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนให้เริ่มส่งน้ำไปให้ชาวนาในเขตพื้นที่ชลประทานของจังหวัดพิจิตรแล้ว
โดยวันนี้จะเริ่มรับน้ำจากเขื่อนนเรศวรปล่อยเข้าสู่คลองชลประทาน C1 ซึ่งเป็นคลองเส้นใหญ่สายหลักและจ่ายน้ำส่งต่อไปยังโครงการชลประทานดงเศรษฐีและโครงการชลประทานท่าบัว ซึ่งน้ำจากเขื่อนนเรศวรจะเริ่มไหลเข้าสู่คลองชลประทานของจังหวัดพิจิตรและจะกระจายไปตามคลองซอยต่างๆ อย่างทั่วถึงในพื้นที่นาข้าวที่อยู่ในเขตชลประทาน 5 อำเภอของจังหวัดพิจิตร ได้แก่ อ.สามง่าม (บางส่วน) อ.เมืองพิจิตร อ.ตะพานหิน อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.บางมูลนาก อ.โพทะเล อ.บึงนาราง (ต.บางลาย) โดยน้ำจะไปถึงแปลงนาภายใน 3-4 วันนี้
การจ่ายน้ำจะมีระบบรอบเวรที่บริหารจัดการโดยกลุ่มผู้ใช้น้ำที่เป็นภาคประชาชน ที่มีการประชุมตกลงการแบ่งรอบเวรรับน้ำในทุกๆ 15 วัน ซึ่งการจ่ายน้ำในครั้งนี้จะทำให้นาข้าวจำนวน 370,000 ไร่ ที่อยู่ในเขตชลประทานจะมีน้ำทำนาปลูกข้าวนาปีกันอย่างทั่วถึงดังกล่าว
สำหรับสถานการณ์น้ำในภาพโดยรวมในพื้นที่นอกเขตชลประทานนั้น นายสมยศ แสงมณี ผอ.โครงการชลประทานจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า พื้นที่นอกเขตชลประทานยังถือว่าอยู่ในสภาวะขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ยังต้องประสบกับปัญหาภัยแล้งจะหลุดพ้นได้ก็ต้องรอฝนที่ตกมาตามฤดูกาลเท่านั้น
สำหรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำน่านซึ่งรับน้ำมาจากเขื่อนสิริกิติ์ วันนี้เขื่อนได้ระบายน้ำมาให้แม่น้ำน่าน 23 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำน่านมีปริมาณเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สถานีสูบน้ำ 34 แห่งของลุ่มน้ำน่านพิจิตรก็ได้เริ่มสูบน้ำไปให้นาข้าวในโครงการได้แล้วอย่างคึกคัก สำหรับน้ำเหนือเขื่อนสิริกิติ์ขณะนี้มีปริมาณ 4,793 ล้านลบ.ม. หรือ 50% ของความจุเขื่อน มีน้ำที่จะใช้งานได้ 1,943 ล้าน ลบ.ม. หรือ 29%
ส่วนเขื่อนภูมิพลที่ดูแลแม่น้ำปิงผู้ใช้ประโยชน์คือ จ.กำแพงเพชร, จ.พิจิตร (บางส่วน), จ.นครสวรรค์ ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนมี 5,240 ล้าน ลบ.ม. หรือ 39% มีน้ำที่จะใช้ได้ 1,440 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 15% ซึ่งถือว่ามีประมาณน้ำน้อยมาก ดังนั้นในอนาคตหากฝนเหนือเขื่อนมีปริมาณฝนตกน้อยเกษตรกร 3 จังหวัดดังกล่าวเดือดร้อนแน่
ส่วนสถานการณ์แม่น้ำยมในเขตจังหวัดพิจิตร แม่น้ำยมตลอดสาย 127 กม. มีสภาพแห้งขอด ส่วนสภาพแม่น้ำพิจิตรเก่าที่ไหลผ่ากลางเมืองพิจิตรผ่าน 5 อำเภอมีความยาว 107 กม. ดูแลพื้นที่การเกษตรกว่า 3 หมื่นไร่ ขณะนี้ก็มีปริมาณน้ำในคลองน้อยมาก ปริมาณน้ำมีแค่เพียงรักษาระบบนิเวศและรักษาระบบพันธุ์สัตว์น้ำในแม่น้ำพิจิตรเก่าเท่านั้น คงไม่พอต่อการทำนา แต่คาดว่าเมื่อเปิดน้ำเข้าสู่คลอง C1 ของพิจิตร ก็จะสามารถผันน้ำไปช่วยชาวนาในลุ่มน้ำแม่น้ำพิจิตรเก่าได้อย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน
ส่วนสถานการณ์น้ำในบึงสีไฟในพื้นที่ 5,300 ไร่ซึ่งถือเป็นแก้มลิงขนาดใหญ่นั้นต้องยอมรับว่าวันนี้มีสภาพแห้งขอด คงมีน้ำแค่พื้นที่รอบๆ ศาลาเก้าเหลี่ยมของบึงสีไฟเท่านั้น สรุปก็คือมีน้ำอยู่ในพื้นที่ประมาณ 1,500 ไร่ ที่เหลือนอกนั้นมีแต่วัชพืช แต่คาดว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเมื่อถึงฤดูฝนหรือฤดูน้ำหลากก็จะสามารถเติมน้ำเข้าสู่บึงสีไฟได้อย่างปกติ
อีกทั้งขณะนี้กรมทรัพยากรน้ำภาค 9 และทหารก็ได้มาร่วมกันขุดคลองซอยเป็นใยแมงมุมในบึงสีไฟ ซึ่งในอนาคตน้ำก็จะเข้าสู่กลางบึงสีไฟได้อย่างมากขึ้น อันจะมีผลที่จะทำให้ระบบนิเวศและน้ำเพื่อการเกษตรรวมถึงเพื่อการท่องเที่ยวมีสภาพดีขึ้นอย่างแน่นอน