ศูนย์ข่าวขอนแก่น - สังคมออนไลน์วิจารณ์ยับ หลังคลิป “ผู้กำกับเมาแล้วขับ ตร.กล้าจับไหม จ.ขอนแก่น” ถูกแชร์ว่อนเน็ต ตั้งคำถามถึงการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ด้านรอง ผบก.ยอมรับอยู่ สภ.เขาสวนกวาง สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วันแล้ว พบผิดจริงต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากกรณีที่มีการโพสต์คลิปวิดีโอบนโลกโซเชียลผ่าน YouLike (คลิปเด็ด) เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 02.00 น. ชื่อคลิป “ผู้กำกับเมาแล้วขับ ตร.กล้าจับไหม จ.ขอนแก่น” โดย Numhorm Jutarat เผยภาพวินาทีที่รถโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กณ 191 ขอนแก่น พุ่งจอดสนิทหน้าสามแยกตลาดโต้รุ่ง ถนนหน้าเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยคลิปมีความยาว 1.52 นาที
ภายหลังคลิปถูกแชร์ต่อๆ กันไป ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ด้วยยอดไลก์กระหน่ำไม่ต่ำกว่า 20,000 ไลก์ และมีผู้เข้าชมคลิปแล้วไม่ต่ำกว่า 154,000 ครั้ง ความคิดเห็นส่วนใหญ่ต่างวิพากษ์วิจารณ์ออกไปในแนวตั้งคำถามถึงการปฏิบัติงานของตำรวจ และความเหลื่อมล้ำในสังคม
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า “ตำรวจจับทหารไม่ใส่หมวก แต่ตำรวจไม่จับผู้กำกับการเมาแล้วขับ” และ “ทหารไม่สวมหมวกโดนสั่งขัง 15 วัน ไม่เห็นข่าวว่าตำรวจไม่สวมหมวกเมาแล้วขับโดนขังบ้างเลย”
ล่าสุด เวลา 13.30 น. วันนี้ (22 เม.ย.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น พ.ต.อ.สุภากร คำสิงห์นอก รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ชี้แจงถึงคลิปดังกล่าวว่า เมื่อได้เห็นคลิปจึงสอบถามไปยังบุคคลต้องสงสัย พบว่าเป็น พ.ต.อ.พิชิต ดียา ผกก.สภ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น และเจ้าตัวก็ยืนยันว่าเป็นบุคคลในภาพจริง ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 21.00-22.00 น. กำลังจะเดินทางกลับเข้าที่พักในตัวเมืองขอนแก่น จู่ๆ รถก็ไหลผ่านสามแยกตลาดโต้รุ่ง มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่มีชาวบ้านยืนมุงดูอยู่
เบื้องต้นทราบว่า พ.ต.อ.พิชิตเป็นนักกีฬาแบดมินตันของตำรวจภูธรภาค 4 และจะทำการลงแข่งขันในเดือนพฤษภาคม 2558 จึงฝึกซ้อมร่างกายอย่างหนัก อาจเป็นไปได้ว่ามีอาการเหนื่อยล้าจากการออกกำลังกาย ประกอบกับมีอาการไข้ร่วมด้วย
พ.ต.อ.สุภากรกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบพยานบุคคลในที่เกิดเหตุ รวมถึงตัวบุคคลในคลิป โดยมอบหมายให้นายตำรวจระดับรอง ผบก.เป็นหัวหน้าชุด เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน หากพบว่าเป็นการกระทำที่ผิดหรือประมาทเลินเล่อ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ก็ตามต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีความกังวลต่อภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นกับตำรวจหรือไม่ พ.ต.อ.สุภากรกล่าวว่า ตั้งแต่มีสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ผู้คนเข้าถึงข่าวสารมาก ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการควบคุมพฤติกรรมมนุษย์ ให้ระมัดระวังในการดำเนินชีวิต กระนั้นก็ตาม สังคมผู้บริโภคข่าวสารก็จำเป็นต้องฟังความหลายด้าน และรอผลพิสูจน์ข้อเท็จจริงก่อนด่วนสรุปด้วยเช่นกัน