ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - คนในบ้านอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่ผู้ต้องหาฆ่าโหดใช้ขวดยัดก้นสาวบาร์เบียร์ทิ้งศพเปลือย เคยย้ายชื่อเข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้าน ระบุไม่มีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติ แค่เพียงให้ความช่วยเหลือย้ายชื่อเข้าเพราะผู้ต้องหาอ้างว่าจำเป็นจะต้องไปสมัครงาน แต่หลังจากนั้นพบว่าไปก่อเรื่องหลอกลวงหญิงสาวว่าจะแต่งงานและก่อหนี้สินหลายราย จนทนไม่ไหวต้องขึ้นอำเภอแจ้งย้ายชื่อออก
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเชียงใหม่สามารถจับกุมนายภรา ชูศรี อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่าโหดสาวบาร์เบียร์ โดยใช้ขวดน้ำยัดเข้าทางทวารหนักจนเสียชีวิตแล้วปล่อยทิ้งศพสภาพเปลือยเปล่าและมีบาดแผลทั่วร่างกายไว้ในโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหารายนี้เคยเปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนที่อยู่รวมกว่า 10 ครั้ง โดยที่หนึ่งในนั้นนายภราเคยย้ายเข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ 112 หมู่ที่ 5 ตำบลแม่สา อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ด้วย ซึ่งครั้งนั้นใช้ชื่อว่า นายปรัชญา ชอบการพาณิชย์
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าบ้านดังกล่าวในอำเภอแม่ริมมี จ.ส.ต.อนันต์ สีเทา เป็นเจ้าบ้าน ตั้งอยู่บนถนนโชตนา ขาเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ โดยบริเวณหน้าบ้านเปิดเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง และอู่ซ่อมรถ ขณะที่จากการพูดคุยสอบถามจากคนในบ้านยอมรับว่าผู้ต้องหาเคยมีชื่อย้ายเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านจริง แต่เวลานั้นใช้ชื่อว่านายปรัชญา ชอบการพาณิชย์ และรู้เพียงว่ามีชื่อเล่นว่า “เปิ้ล” ซึ่งหลังจากที่มีข่าวว่าจับกุมผู้ต้องหาคดีดังกล่าวได้ในช่วงแรกยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเป็นคนคนเดียวกัน เพราะในช่วงที่ย้ายชื่อเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านก็เคยเข้าไปที่บ้านและพบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้ง รวมทั้งเคยได้พูดคุยกันนิดหน่อยเท่านั้น
สำหรับสาเหตุที่ทางเจ้าบ้านยินยอมให้นายปรัชญา หรือนายภรา ผู้ต้องหารายนี้ ย้ายชื่อเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านนั้น เนื่องจากมีเพื่อนของ จ.ส.ต.อนันต์ เจ้าบ้าน ซึ่งเป็นอดีตตำรวจด้วยกันและเคยติดคุกเดียวกับนายปรัชญา (ภรา) เป็นคนรับรองและขอความช่วยเหลือให้กับนายปรัชญา (ภรา) ที่เวลานั้นอ้างว่าจำเป็นจะต้องมีทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำไปใช้สมัครงาน ทางด้าน จ.ส.ต.อนันต์จึงยินยอมให้ความช่วยเหลือและให้โอกาส เพราะเข้าใจว่ากำลังพยายามจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นายปรัชญา (ภรา) เข้ามามีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านแล้ว ปรากฏว่าได้ไปก่อเรื่องหลอกลวงหญิงสาวในพื้นที่ว่าจะแต่งงานด้วย รวมทั้งไปก่อหนี้สินหลายกรณี จนเจ้าหนี้มาติดตามทวงถามที่บ้านและทำให้ได้รับความเสื่อมเสีย ต่อมาทาง จ.ส.ต.อนันต์ จึงได้ไปแจ้งเรื่องที่อำเภอแม่ริมเพื่อย้ายชื่อนายปรัชญา (ภรา) ออกจากทะเบียนบ้านในที่สุด และไม่เคยมีการติดต่อกันอีกเลย
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่านายปรัชญา (ภรา) ย้ายชื่อเข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านหลังดังกล่าวได้เนื่องจากเป็นบ้านพ่อตานั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงและเป็นไปไม่ได้ เพราะ จ.ส.ต.อนันต์ มีแต่ลูกชายทั้งหมด ไม่มีลูกสาว
สำหรับการที่ผู้ต้องหาอ้างว่ามีอาการป่วยทางประสาทนั้น ไม่เคยทราบมาก่อน แต่เท่าที่เคยพูดคุยพบว่าเหมือนคนปกติดีทุกอย่าง และเท่าที่รับทราบพฤติกรรมในช่วงที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่อำเภอแม่ริม ก็พบว่านายปรัชญาเป็นคนค่อนข้างกะล่อนอยู่แล้ว จึงไม่แน่ใจว่าจะป่วยจริงหรือไม่
