ศูนย์ข่าวศรีราชา - คนร้ายฆ่าสยองหนุ่มรัสเซียหมกห้องพักกลางเมืองพัทยา คาดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งกันเองภายในกลุ่ม จนเป็นที่มาของการฆาตกรรมครั้งนี้
เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (4 เม.ย.) พ.ต.อ.อนุกูล ปรีดายุทธ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองพัทยา ได้รับแจ้งเหตุพบศพชาวต่างชาติเสียชีวิตที่ห้องพักเลขที่ 204 บริเวณชั้น 2 ของอาคารพรเฮาส์ ห้องพักให้เช่ารายวัน รายเดือน เลขที่ 422/3 ม.9 ภายในซอยพัทยาอรุโณทัย พัทยากลาง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรภาค 2
ที่เกิดเหตุเปิดบริการห้องพักรายวัน และรายเดือน ความสูง 4 ชั้น รวมห้องพักประมาณ 20 ห้อง ตรวจสอบห้องที่เกิดเหตุบริเวณชั้น 2 ภายในห้องที่เกิดเหตุพบศพชายชาวต่างชาติชาวรัสเซียอายุประมาณ 30 ปี ทราบชื่อเพียงว่า Mr.Fedro ไม่ทราบนามสกุล นอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องน้ำของห้องพัก สภาพศพนอนคว่ำหน้า ใส่กางเกงบ็อกเซอร์ และสวมเสื้อแขนสั้น ตรวจสอบพบบาดแผลฉกรรจ์บริเวณลำคอหลอดลมเกือบขาด ใบหน้าถูกทำร้ายจนปูดบวม บริเวณอกด้านซ้ายถูกของมีคมแทงเป็นแผลฉกรรจ์ 2 รู สันนิษฐานว่า เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1-2 วัน ตรวจสอบพบลักษณะคล้ายมีการต่อสู้จนคราบเลือดเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณ
สอบสวนเบื้องต้นจาก น.ส.พรพรรณ ทศานนท์ อายุ 20 ปี พนักงานผู้ดูแลห้องพักของอาคารดังกล่าว ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา มีชาวรัสเซีย 4 คน เข้ามาเปิดห้องพักรายวัน 2 ห้อง ในราคาห้องละ 200 บาทต่อคืน โดยพักกันอยู่ห้องละ 2 คน คือห้อง 202 และ 204 เนื่องจากเป็นห้องพักรายวันจึงไม่ได้เก็บเอกสารของผู้มาเช่าไว้ ต่อมา ประมาณปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มี 2 คนมาติดต่อคืนห้องพัก 1 ห้อง โดยอ้างว่าถูกวิ่งราวทรัพย์ต้องไปติดต่อขอทำพาสปอร์ต จนวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ชาวรัสเซียที่เหลือได้พาผู้ตายมาเข้าพักก็ไม่ได้เอะใจอะไร
ต่อมา เมื่อครบกำหนดจ่ายค่าห้องพักจึงขึ้นไปตรวจสอบโดยพยายามเรียกชาวรัสเซียที่อาศัยอยู่ในห้องแต่ไม่มีการตอบรับ จึงใช้กุญแจสำรองไขประตูเปิดเข้าไปจนพบศพผู้ตายอยู่ในห้องน้ำดังกล่าว โดยไม่พบชายชาวรัสเซีย 2 คนที่อยู่ก่อน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบในที่เกิดเหตุในที่สุด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก็ได้เก็บหลักฐานทั้งหมดทั้งภาพถ่ายแ ละพยานแวดล้อม ก่อนมีการพูดคุยว่าสาเหตุสันนิษฐานว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งกันเองภายในกลุ่ม จนเป็นที่มาของการฆาตกรรมครั้งนี้
ข่าวรายงานด้วยว่า หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ปิดเงียบ จนกระทั่งมีพลเมืองดีมาให้ข้อมูลเบื้องต้นต่อผู้สื่อข่าว จนสามารถติดตามความเคลื่อนไหวเหตุการณ์ดังกล่าวมาสู่สาธารณชนในที่สุด