xs
xsm
sm
md
lg

รองอธิบดีกรมอุทยานฯสนธิกำลังกว่า 400 นายเข้ายึดหมีควาย 6 ตัวที่วัดเสือ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช สนธิกำลังกว่า 400 นาย เข้ายึดหมีควาย 6 ตัวที่วัดเสือ เจ้าหน้าที่ใช้แผนตั้งกำแพงมนุษย์ขวางประตู ก่อนเคลื่อนรถบรรทุกหมีใช้เครนยกข้ามกำแพงสูง 4 เมตร ใส่รถบรรทุกที่จอดรอฝั่งตรงข้าม พระสงฆ์สามเณร ต่างพยายามเข้าขวางแต่ไม่ทัน ส่วนหลวงตาจันทร์ แถลงพร้อมมอบตัว แต่ขอทำภารกิจที่วัดให้เสร็จก่อน แต่หากอุทยานฯต้องการนำเสือไปดูแลต้องจ่ายตัวละ 1 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น



ความคืบหน้ากรณีเมื่อวันที่ 2 เม.ย.58 ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ ภู่เพ็ชร์ ผอ.ส่วนยุทธการป้องกันและปราบปราม กรมอุทยานฯ นายชาติชาย ศรีแผ้ว หัวหน้าสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 1 ภาคกลาง นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ นายสิขกพงษ์ กระแจะจันทน์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอุทยานสมเด็จพระศรีนครินทร์ นายบรรพต มาลีหวล หัวหน้าสถานีวิจัยเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง จ.ราชบุรี พร้อมด้วย สพ.ญ.ศิรินทิพย์ เข็มทอง สัตวแพทย์ประจำสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า พร้อมทีมงานสัตวแพทย์ และ พ.ต.ท.วัตรไชย รอดไหม รอง ผกก.สส.สภ.ไทรโยค ร.ต.กล้า แหวนเครือ นายทหารชุดควบคุมกรมทหารราบที่ 29 กองพลทหาราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ตชด.ที่ 136 (ไทรโยค) เจ้าหน้าที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบางละมุง พร้อมกำลัง

นำหมายค้นศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ มค.289/2558 ลงวันที่ 2 เม.ย.2558 เดินทางไปที่วัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อตรวจยึดสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ. 2535 ประเภทหมีควายจำนวน 6 ตัว ขณะกำลังเคลื่อนย้ายออกมาพ้นประตูวัด ในเวลาประมาณ 17.45 น.พระวิสุทธิสารเถร หรือ หลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาส นำพระสงฆ์พร้อมสามเณร และพนักงานและเจ้าหน้าที่ของวัดมาขัดขวางเอาไว้ด้วยการนั่งขวางหน้ารถบรรทุกเอาไว้ จนเกิดเหตุชลมุลวุ่นวายขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำหมีควายออกมาได้

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (3 เม.ย.58) นายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช มอบหมายให้ นายธัญญา เนติธรรมกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ผอ.สำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายเชิดชัย จริยะปัญญา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พ.ต.อ.ชินภัทร ตันศรีกุล รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พื้ชในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีทั้ง 7 แห่ง รวมทั้งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจังหวัดเพชรบุรี เจ้าหน้าที่ นปพ.จังหวัดกาญจนบุรี หน่อยปราบจลาจล สภ.เมืองกาญจนบุรี กว่า 400 นาย เดินทางมาเจรจาหาทางออกกับ พระวิสุทธิสารเถร หรือ หลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาส ที่กำลังนั่งปิดประตูทางเข้าออกวัดพร้อมกับพระลูกวัดและสามเณรกว่า 50 รูป

เมื่อคณะของนายธัญญา เนติธรรมกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช เดินไปมาถึงก็ได้เข้าไปกราบนมัสการเจ้าอาวาส และได้แนะนำตัว พร้อมกับเจรจาขอร้องให้พระวิสุทธิสารเถร หรือ หลวงตาจันทร์ ยินยอมให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯขนย้ายหมีทั้ง 6 ตัวออกไป แต่พระวิสุทธิสารเถร ได้ปฏิเสธโดยจะไม่ยินยอมให้นำหมีทั้ง 6 ตัวออกไปจากวัดเด็ดขาด และจะไม่มีการเจรจา ยกเว้นเจ้าหน้าที่จะนำหมีกลับไปไว้ภายในกรงที่เดิม ซึ่งบรรยากาศการเจรจาค่อนข้างตึงเครียด โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที นายธัญญา พร้อมคณะที่เข้าร่วมเจรจาจึงกราบนมัสการลา เพื่อไปประชุมวางแผนกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเจ้าหน้าที่ของวัดไม่อนุญาตให้ใช้ห้องประชุม คณะทั้งหมดจึงไปใช้บริเวณโรงอาหารติดกับห้องจำหน่ายตั๋วเข้าชมเสือเป็นสถานที่ประชุมชั่วคราว โดยให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯยืนคล้องแขนกันเป็นวงกลมปิดล้อมเอาไว้ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที

จากนั้นนายธัญญา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าทำตามแผนที่วางเอาไว้ โดยไม่มีการบอกขั้นตอนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ให้สื่อมวลชนและบุคคลภายนอกทราบ เพราะเกรงว่าข่าวจะรั่ว หลังจากคณะเจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่ง ก็ได้แบ่งกำลังออกเป็นหลายชุด ชุดแรกไปตั้งแถวป้องกันที่บริเวณหน้าประตูทางเข้า ส่วนหลังประตูตั้งแถวหน้ากระดานสองชั้น โดยให้เจ้าหน้าที่ขับรถบรรทุกหมีจำนวน 6 ตัวถอยหลังออกไปให้ห่างจากประตู จากนั้นคนขับได้ขับรถเลี้ยวไปจอดที่กำแพงวัดฝั่งซ้ายมือที่อยู่ห่างจากประตูวัดประมาณ 200 เมตร เมื่อไปถึงก็ได้ใช้เครนยกกรงหมีข้ามกำแพงวัดที่สูงประมาณ 4 เมตร โดยมีรถบรรทุก 6 ล้อจอดรอรับหมีอยู่ฝั่งตรงข้าม

ขณะนั้นทางวัดเองยังไม่ทาบว่าคณะเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างไร เพียงแต่ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่า หากเจ้าหน้าที่ทำลายกำแพงวัดก็ขอให้ถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวเอาไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับประกาศให้พระสงฆ์และสามเณร นำจีวรพระชุบกับน้ำให้เปียกเพื่อป้องกันแก๊สน้ำตา แต่เมื่อมาทราบภายหลังว่าคณะเจ้าหน้าที่ได้วางแผนยกกรงหมีควายทั้ง 6 กรง ข้ามกำแพงใส่รถบรรทุก 6 ล้อที่จอดรออยู่ฝั่งตรงข้าม ทำให้ทั้งพระลูกวัดและสามเณร พร้อมทั้งพนักงานและเจ้าหน้าที่ของวัด ต่างวิ่งกรูกันไปเพื่อขัดขวาง ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่ก็ได้พยายามป้องกันเอาไว้อย่างทุลักทุเล แต่ก็มีเล็ดลอดออกไปได้ และเมื่อไปถึงทุกคนต่างก็ได้แต่มองโดยไม่สามารถเข้าไปขัดขวางเจ้าหน้าที่ได้ เนื่องจากกำแพงวัดมีความสูงประมาณ 4-5 เมตรขวางเอาไว้ ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่ใช้เวลาถ่ายเทกรงหมีประมาณ 20 นาที จากนั้นก็ได้ขับออกไปอย่างรวดเร็ว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้สร้างความชุลมุนวุ่นวายเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บแม้แต่เพียงรายเดียว

นายธัญญา เนติธรรมกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยภายหลังว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ให้มาดำเนินการนำหมีความของกลางออกไปจากวัดให้ได้ ซึ่งเมื่อวานนี้ พระวิสุทธิสารเถร หรือ หลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาส พร้อมด้วยพระสงฆ์สามเณร รวมทั้งคนงานและชาวบ้านบางส่วนปิดล้อมประตูวัดไม่ให้เจ้าหน้าที่ขนย้ายหมีควายออกไปจากวัด วันนี้ตนจึงได้รับมอบหมายให้มาเจรจากับเจ้าอาวาส แต่จากการเจรจาก็ไม่เป็นผล เพราะเจ้าอาวาสยืนยันอย่างเดียวว่าไม่ยอม พร้อมทั้งอ้างว่าได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสอย่างถูกกฎหมาย และขณะนี้ที่วัดมีการบวชพระเพื่อเฉลิมพระเกียรติอยู่ ซึ่งตนมองว่าจากเหตุผลดังกล่าวมันเป็นคนละประเด็นกัน ซึ่งตนได้พูดคุยกับเจ้าอาวาสอย่างละมุนละม่อม แต่เจ้าอาวาสก็ไม่ยอมรับฟัง

ดังนั้นตนพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ประชุมหารือกันอีกครั้งหนึ่ง และตัดสินใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามที่มีการวางแผนเอา ส่วนสาเหตุที่ต้องปิดเอาไว้เป็นความลับเนื่องจากเราเกรงว่าแผนการที่วางไว้อาจจะรั่วไหลไปถึงทางเจ้าอาวาส ซึ่งหากแผนการรั่วก็จะทำให้ยากต่อการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ซึ่งการขนถ่ายย้ายหมีข้ามกำแพงครั้งนี้เจ้าหน้าที่ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้เวลประมาณ 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังนำหมีทั้ง 6 ตัวไปไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า บางละมุง และหลังจากดำเนินการขนย้ายหมีแล้วเสร็จเราไม่ได้มีการเจรจากับทางวัดแต่อย่างใดทั้งสิ้น ซึ่งหลังจากนี้ก็จะดำเนินการทางด้านกฎหมายต่อไป

สำหรับวัดแห่งนี้ยังมีเครสที่เจ้าหน้าที่จะต้องเข้ามาดำเนินการอีกคือเรื่องของเสือที่มีอยู่ สำหรับเสือของกลางที่นายสัตวแพทย์ สมชัย วิเศษมงคลชัย อดีตนายสัตวแพทย์ผู้ดูแลเสือของกลางแจ้งไปยังกรมอุทยานฯว่าเสือหายไปจำนวน 3 ตัว ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำการด้วยการให้ นายเชิดชัย จริยะปัญญา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ดำเนินการไปถึงกรมอุทยานฯเพื่อให้ส่งหนังสือไปถึงนายสัตวแพทย์สมชัย ให้มาดำเนินการตรวจสอบไมโครชิพ เสือทั้งสามตัวที่หายไป ขณะอยู่ระหว่างดำเนินการ ถามว่ากังวลเกี่ยวกับการขนย้ายเสือของกลางหรือไม่ ตอบได้เลยว่าไม่กังวลแน่นอน เพราะเราจะไม่ยอมให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายอย่างแน่นอน

ส่วนการที่พระวิสุทธิสารเถร หรือ หลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาส แถลงต่อสื่อมวลชนไปในช่วงเช้าบอกว่า หากกรมอุทยานฯต้องการนำเสือไปเลี้ยงเอง จะต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูเสือตัวละ 1 ล้านบาทต่อปี ซึ่งในส่วนนี้ทางกรมอุทยานฯเองทราบว่าทางวัดมีรายได้จากเสือในแต่ละปีเป็นจำนวนมากพอสมควร กรมอุทยานฯจึงไม่มีความกังวล ซึ่งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรายได้ของวัด เชื่อว่าสื่อมวลชนเองก็รู้ดีเช่นกัน เพราะฉะนั้นตนจึงไม่กลัวว่าทางวัดจะเรียกร้องในจุดนี้ แต่เราควรที่จะต้องทำให้มันถูกกฎหมายจะดีกว่า

ส่วนการขนย้ายเสือคาดว่าคงเป็นเร็วๆนี้ แต่ยังไม่สามารถกำหนดชัดเจนได้ว่าเป็นวันไหน ซึ่งจะต้องให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ประมวลภาพให้ชัดเจนเสียก่อน ซึ่งเราเองก็ยอมรับว่า ในวันนั้นอาจจะมีมวลชนเข้ามาร่วมกับทางวัดจึงจำเป็นจะต้องร่วมกันวางแผนอย่างรอบคอบเหมือนที่เราขนย้ายหมีในวันนี้

ส่วนพระวิสุทธิสารเถร หรือ หลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสวัดป่าหลวงมหาบัว ญาณสัมปันโน แถลงต่อสื่อมวลชนในช่วงเช้าว่า เรื่องที่ต้องการบอกสื่อมวลชนในวันนี้คือว่า เรื่องความเป็นไปของทางวัด เพราะตอนนี้ทางท่านรองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช คือท่านอดิศร ได้นำหมายค้นเข้ามาตรวจหมีที่อยู่ภายในวัด อาตมาจึงขอปฏิเสธหมายศาลไปก่อน หลังจากเสร็จภารกิจที่วัดแล้วอาตมาก็จะไปมอบตัว รับรองว่าอาตมาไม่หนีแน่นอนและไม่ต้องมาอุ้มหรืออะไรทั้งสิ้น แต่จนถึงตอนนี้ อาตมายังไม่รู้เลยว่าอาตมาโดนคดีอะไร หากกรมอุทยานฯต้องการขนย้ายเสือไปดูแลเอง จะต้องจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูให้กับวัดในราคาตัวละ 1 ล้านบาทต่อปี เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีเสืออยู่ทั้งหมด 146 ตัว




กำลังโหลดความคิดเห็น