นครปฐม - หนุ่มเพิ่งกลับจากบำบัดยาเสพติดได้ 5 วัน นั่งซดเหล้ากับเพื่อน อยู่ดีๆ ถูก อส.กำแพงแสน บุกล้อมจับซ้อมจนม้ามแตก ลำไส้เป็นแผลต้องตัดม้ามทิ้ง ด้านผู้บาดเจ็บเผยยังงุนงงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากอะไรกันแน่ พร้อมยันยันหลังกลับจากบำบัดได้ 5 วัน ยังไม่เคยเสพยา พร้อมระบุจำหน้า อส.ตืนโหดได้ “นอภ.กำแพงแสน” ยึดอกรับผิดแทนลูกน้อง ยอมรับ จนท.ทำเกินกว่าเหตุ พร้อมเข้าเจรจายอมความต่อผู้เสียหายจนพอใจ และสั่งย้าย อส.ตืนโหดพ้นจากหน้าที่ปราบยาเสพติด
วันนี้ (31 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.กชกร ระดมกิจ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/1 ม.4 ต.สระพัฒนา อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ว่า สามี คือ นายอธิวัฒน์ หรือโจ้ สระทองอ่อน อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 ถ.ราษฎร์บำรุง ต.สองพี่น้อง อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ถูกอาสาสมัครรักษาดินแดนของอำเภอกำแพงแสน จ.นครปฐม รุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกนำตัวมารักษาอาการอยู่ที่ตึกอุบัติเหตุ ชั้น 4 ห้องศัลยกรรมชาย รพ.ศูนย์นครปฐม จึงได้เดินทางเข้าตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบ นายอธิวัฒน์ หรือโจ้ สระทองอ่อน นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย โดยมี น.ส.กชกร ระดมกิจ ภรรยานั่งดูแลอยู่ใกล้ๆ ด้วยความเป็นห่วง พบมีบาดแผลผ่าตัดที่หน้าท้องเป็นแผลยาวประมาณ 30 เซนติเมตร 1 แห่ง ที่ขามีแผลถลอก โดยมีการให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงผู้ป่วย
น.ส.กชกร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 18.30 น.ได้มีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลกำแพงแสน โทร.มาแจ้งว่า นายอธิวัฒน์ ได้มานอนพักรักษาตัวเนื่องจากถูกทำร้ายร่างกายจนอาการสาหัส จึงได้รีบเข้าตรวจสอบ พบสามีมีอาการปวดท้องอย่างหนัก และจากการเอกซเรย์พบว่า ต้องผ่าตัดด่วนจึงได้เร่งนำตัวมาส่ง รพ.ศูนย์นครปฐม เวลาประมาณ 20.00 น.
โดยแพทย์สรุปว่า มีอาการม้ามแตก ลำไส้มีบาดแผลหลายแห่ง แพทย์ได้ทำการผ่าตัดด้วยการตัดม้ามออก และทำการรักษาบาดแผลที่ลำไส้ กระทั่งตอนนี้อาการเริ่มทรงตัว โดยยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำเกินกว่าเหตุจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ
อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่าสามีเคยเสพยาบ้ามา และเพิ่งเข้ารับการบำบัดไปเมื่อ 50 วันก่อน และเพิ่งจะออกจากเรือนจำกลางนครปฐม หลังรับการบำบัดมา 45 วัน ก่อนจะมาเกิดเหตุการณ์ มีเจ้าหน้าที่บุกเข้าล้อมจับกุมขณะนั่งดื่มสังสรรค์กับเพื่อนๆ โดยคิดว่าเป็นการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ แม้สามีจะเคยเสพยาบ้า แต่ก็ควรจะเข้ามาตรวจสอบดีๆ ไม่ใช่มาบุกล้อม และไล่จับโดยยังมีการรุมซ้อมจนได้รับบาดเจ็บสาหัสแบบนี้
ด้าน นายอธิวัฒน์ เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพเป็นช่างเลี่ยมกรอบพระอยู่ที่ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ก่อนเกิดเหตุตนได้ไปนั่งดื่มสังสรรค์กับเพื่อนๆ กว่า 10 คน ที่หมู่ 1 ต.สระสีมุม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ประมาณเวลา 17.00 น. ของวันที่ 29 มี.ค. แต่จู่ๆ ก็ได้มีรถมาจอดที่หน้าบ้าน และมีชายฉกรรจ์ใส่เครื่องแบบคล้าย อส.กว่า 10 คน วิ่งเข้ามาในบ้าน และล้อมตนไว้
ด้วยความตกใจตนจึงได้พยายามวิ่งหนี แต่ได้มี อส.คนหนึ่งได้พยายามวิ่งไล่ตามตน แต่เกิดพลัดหกล้ม และมีความโมโหจึงได้ส่งเสียงสั่งว่าอย่าหนี และข่มขู่ตนต่างๆ นานา แต่ด้วยตนมีความกลัวจึงได้วิ่งหนีหลบไปที่บ้านของชาวบ้านในบริเวณดังกล่าว และเข้าไปใช้ผ้าห่มคลุมตัวไว้ แต่ก็มี อส. 2 นาย ตามเข้ามาค้นจนเจอ และคนหนึ่งได้ล็อกตนไว้
ส่วนอีกคนตนจำหน้าได้ที่ใช้หัวรองเท้าคอมแบตเตะตนแบบลูกฟุตบอลโดยใช้หัวรองเท้าจิ้มเข้าที่กลางหน้าท้องของตน 1 ครั้ง จนล้มลง และเตะซ้ำหลายครั้ง ก่อนจะถูกหิ้วตัวใส่รถไปที่ค่ายบำบัดที่วัดสระพัฒนา เขตอำเภอกำแพงแสน โดยตนพยายามบอกว่ามีอาการปวดท้องตั้งแต่ที่เกิดเหตุ แต่ อส.ชุดดังกล่าวไม่ได้พาไปหาหมอ และได้พาวนไปตามด่านต่างๆ นานกว่า 1 ชั่วโมง จนตนทนไม่ไหว และมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกให้นำไปส่งโรงพยาบาลกำแพงแสน และส่งตัวมายังโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม และได้รับการผ่าตัดสำเร็จจนมาถึงวันนี้
นายอธิวัฒน์ สารภาพว่า ที่ผ่านมา ตนเคยเสพายาบ้ามาก่อน และเพิ่งถูกจับกุมตัวไปเมื่อ 50 วันที่แล้ว และถูกนำเข้าสู่กระบวนการบำบัด 45 วัน ก่อนจะออกมาได้ 5 วัน และมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว แต่วันที่เกิดเหตุไม่ได้เสพยาบ้า และเมื่อวานนี้ได้มีปลัดอำเภอกำแพงแสน คนหนึ่งเข้ามาขอปัสสาวะตนไปตรวจ พร้อมกับบอกตนว่า หากมีการฟ้องร้องเขาก็จะมีการฟ้องกลับเช่นกัน ทำให้ตนงุนงงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากว่ามาจากสาเหตุใด
“ตอนนี้ภรรยาผมได้นำเรื่องดังกล่าว พร้อมกับผลการตรวจจากแพทย์โรงพยาบาลศูนย์นครปฐมไปแจ้งความลงบันทึกต่อ พ.ต.ท.สมเกียรติ ทรัพย์ส่งเสริม พนักงานสอบสวน สภ.กำแพงแสนไว้เป็นหลักฐานแล้ว แต่ยังสงสัยว่าทำไมหน่วยงานภาครัฐต้องมาทำกับผมเช่นนี้ และขอความเป็นธรรมว่าหากผมเป็นผู้เสพยาจริงผมก็ยอมรับ และขอเข้าสู่การบำบัด ผมยืนยันว่า ผมจำหน้าคนที่ร้ายผมได้ดี แต่ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออกว่าจะทำอย่างไรเพราะยังปวดแผลที่ผ่าตัดอยู่”
ด้าน นายเชาวเนตร ยิ่งประเสริฐ นายอำเภอกำแพงแสน เปิดเผยว่า ตนทราบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว และได้สั่งการให้มีการสอบสวนในเรื่องนี้อย่างละเอียด พร้อมกับสั่งการให้ย้ายนายอภิเชษฐ์ จันทวงษ์ อาสมัครักษาดินแดน อำเภอแพงแสนที่ 2 ออกจากงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ไปทำงานด้านอื่นแทน และขอยอมรับผิดแทนผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมด และยอมรับว่า เป็นการทำงานที่เกินกว่าเหตุ อย่างไรก็ตาม ตนเชิญนายบุญทรง สระทองอ่อน บิดาของนายอธิวัฒน์ มาทำการขอโทษ และไกล่เกลี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพื่อให้ทุกอย่างยุติ และจบลงด้วยความพึงพอใจของผู้เสียหายทั้งหมด
ทางด้าน นายอภิเชษฐ์ จันทวงษ์ อาสมัครรักษาดินแดน อำเภอแพงแสนที่ 2 ผู้ถูกระบุว่าเป็นผู้ลงมือกระทืบ นายอธิวัฒน์ กล่าวว่า ช่วงที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นเป็นช่วงชุลมุน ตนไม่ได้เข้าไปเตะ หรือกระทืบผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายน่าจะล้มจนได้รับบาดเจ็บเองมากกว่า
“ช่วงเกิดเหตุชุลมุนมาก ผมเองก็ไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่เข้าไปทำงานหลายคน ผมก็ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ทำจนเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น” นายอภิเชษฐ์ กล่าว