บุรีรัมย์ - พายุฤดูร้อนและลูกเห็บถล่มหนัก 65 หมู่บ้าน ใน 2 อำเภอบุรีรัมย์ พัดบ้านเรือน ยุ้งข้าว และวัดพังเสียหายยับกว่า 150 หลัง หลายครัวเรือนไร้ที่อยู่อาศัย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และท้องถิ่นเร่งลงพื้นที่สำรวจความเสียหายรายงานอำเภอ จังหวัด เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด่วน
วันนี้ (31 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้เกิดเหตุพายุฤดูร้อนและลูกเห็บพัดกระหน่ำอย่างหนักที่จังหวัดบุรีรัมย์ ส่งผลให้มีบ้านเรือนราษฎร ยุ้งข้าว และวัดในพื้นที่ 65 หมู่บ้าน 10 ตำบลใน 2 อำเภอ ประกอบไปด้วย ต.เขาดินเหนือ ต.โนนเจริญ ต.หินลาด ต.บึงเจริญ ต.หนองไม้งาม ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด และ ต.เขาคอก ต.ปังกู ต.จระเข้มาก ต.หนองบอน อ.ประโคนชัย ถูกพายุพัดพังเสียหายรวมกว่า 150 หลังคาเรือน ซึ่งส่วนใหญ่ถูกแรงลมพัดหลังคาเปิง และในจำนวนนี้มีบางหลังที่ถูกพายุพัดได้รับความเสียหายทั้งหลัง ทำให้ราษฎรต้องไร้ที่อยู่อาศัย
ขณะที่ทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ลงพื้นที่เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อรายงานทางอำเภอ และจังหวัดทราบ เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือตามระเบียบหลักเกณฑ์ของทางราชการ คลายความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วนต่อไป อย่างไรก็ตาม โชคดีที่พายุฤดูร้อนพัดถล่มในครั้งนี้ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
นายสนุก จันทร์ประโคน อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 ม.7 บ้านพาชี ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ บอกว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. คืนที่ผ่านมา (30 มี.ค.) ได้เกิดพายุฤดูร้อนพัดอย่างรุนแรง ทั้งยังมีลูกเห็บตกลงมาอย่างหนักจนทำให้บ้านพังเสียหายทั้งหลัง โชคดีที่ตนและหลานๆ วิ่งเข้าไปหลบในบ้านอีกหลังจึงไม่ได้รับอันตราย แต่ข้าวของที่อยู่ภายในบ้าน และข้าวเปลือกในยุ้งถูกฝนเปียกเสียหาย ซึ่งตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นพายุและลูกเห็บตกรุนแรงมากขนาดนี้ จึงอยากเรียกร้องให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาสำรวจและให้ความช่วยเหลือ เพราะตอนนี้ต้องไปอาศัยอยู่บ้านลูกสาวชั่วคราว
ด้านนายทแกล้ว นุศรีวอ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกสำรวจความเสียหายเพื่อรวบรวมข้อมูลรายงานมายังจังหวัด โดยเบื้องต้นหากราษฎรในหมู่บ้าน ตำบลใดที่เสียหายไม่มากให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้งบประมาณกรณีฉุกเฉินให้ความช่วยเหลือไปก่อนในเบื้องต้น แต่หากหมู่บ้าน ตำบลใดเสียหายจำนวนมากให้รวบรวมข้อมูลเสนอขอรับความช่วยเหลือมายังจังหวัดเพื่อจะได้เร่งหางบประมาณเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบหลักเกณฑ์ต่อไป