พระนครศรีอยุธยา - ผู้ว่าฯ การรถไฟฯ พร้อมรอง ผบช.ภาค 1 ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุรถไฟชนกัน เผยสาเหตุคนขับรถไฟขบวนตามหลังประมาทฝ่าสัญญาณไฟ
จากกรณีรถด่วนพิเศษขบวนที่ 69 สายกรุงเทพฯ-หนองคาย ถูกรถด่วนพิเศษขบวนที่ 107 สาย กรุงเทพฯ-เด่นชัย พุ่งชนท้าย จนหัวรถจักร และตู้โดยสารของรถด่วนพิเศษสายกรุงเทพฯ-หนองคาย ตกจากราง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 52 ราย อาการสาหัส 3 ราย เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่หมู่ 7 ต.กระจิว อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา
ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (27 มี.ค.) หลังจากวิศวกรกองช่างกล การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่รถไฟกองช่างกล ชุดกู้ภัยม้าเหล็ก พร้อมอุปกรณ์เครื่องจักรหนัก และรถเครนขนาดใหญ่เข้าทำการกู้ซากขบวนรถโบกี้รถไฟที่เกิดพุ่งชนกันให้พ้นออกจากรางรถไฟ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตัดข้อพ่วงทีละพ่วง แล้วลากให้พ้นออกจากรางที่ 2 เพื่อเปิดเส้นทางการเดินรถไฟให้สามารถวิ่งสวนทางกันได้ 2 ราง นำหัวขบวนรถไฟ และโบกี้รถไฟ ทั้งหมดอยู่ในรางที่ 1 โดยพบว่า มีหมอนรองรางรถไฟ และรางรถไฟได้รับความเสียหายบางส่วน เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำการซ่อมแซม สามารถเปิดเดินรถไฟได้ตามปกติในช่วงบ่าย
ต่อมา นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศานิตย์ มหถาวร รอง ผบช.ภ.1 และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบความเสียหายของขบวนรถไฟทั้งหมด และรางรถไฟ
นายวุฒิชาติ กล่าวว่า จาการตรวจสอบแล้วพบว่า ระบบคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการเดินรถปกติ โดยขบวนรถไฟสายกรุงเทพฯ-หนองคาย ผ่านเสาที่ติดเซ็นเซอร์ได้ส่งสัญญาณว่ารถจะจอดขบวนรถเนื่องจากมีปัญหาระบบล้อจะทำการตรวจสอบ ซึ่งสัญญาณไฟเตือนก็อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตรได้ติดแล้ว แต่ว่ามีขบวนรถไฟจอดอยู่ แต่ขบวนรถไฟกรุงเทพฯ-เด่นชัย ได้ฝ่าสัญญาณไฟที่เตือนขึ้นมาเข้ามาชนจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ส่วนมูลค่าความเสียหายต่างๆ ยังไม่ต้องเป็นห่วง จะเร่งดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บก่อนเป็นเรื่องเร่งด่วนทางการรถไฟฯ จะดูแลในเรื่องค่ารักษาพยาบาลของผู้บาดเจ็บทุกรายอย่างสะดวกรวดเร็ว
พล.ต.ต.ศานิตย์ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจภาชี และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อเร่งตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียด ซึ่งจะต้องให้การรถไฟฯ ดำเนินการก่อน เนื่องจากทางการรถไฟฯ มีกฎมีการตั้งกรรมการสอบสวน และเมื่อตรวจสอบแล้วมีการประมาทจริง ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป