ประจวบคีรีขันธ์ - อีกก้าวย่างของจุดผ่อนปรนทางการค้าด่านสิงขรที่ สมช.มีมติผ่านให้เป็น “จุดผ่อนปรนทางการค้าพิเศษ ด่านสิงขร” ก่อนที่จะก้าวไปสู่ด่านถาวรสิงขรในอนาคต ผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ ยอมรับเกือบ 6 ปี ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมผลักดัน มั่นใจเป็นโอกาสเพิ่มมูลค่าทางการค้า และเศรษฐกิจของทั้งไทยและพม่า ตลอดจนผลประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวจะตามมาทันทีหลังการประกาศให้สาธารณชนรับรู้
วันนี้ (25 มี.ค.) ถึงแม้การประชุม ครม.สัญจรที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 มี.ค.ที่จะถึงนี้ ภายในสถานพักฟื้น และพักผ่อนกองทัพบก สวนสนประดิพัทธ์ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) โดยการประชุม ครม.สัญจร ครั้งนี้ ทางรัฐบาลจะไม่ได้เปิดโอกาสให้จังหวัดมีการเสนอของบประมาณโครงการต่างๆ เหมือนกับการประชุม ครม.สัญจรในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมาๆ มาก็ตาม
แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการรับการประชุม ครม.สัญจร ครั้งแรกของรัฐบาลชุดนี้ก็คือ เมื่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้มีมติยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าด่านสิงขรให้เป็น “จุดผ่อนปรนทางการค้าพิเศษ ด่านสิงขร” ก่อนที่จะยกระดับไปสู่ด่านถาวรต่อไป และนี่จึงกลายเป็นไฮไลต์ และข่าวดีสำหรับชาวประจวบคีรีขันธ์เป็นอย่างยิ่ง
นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการ “ยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าด่านสิงขร” เป็นจุดผ่านแดนถาวร อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นด่านถาวร ซึ่งล่าสุด ทาง สมช. โดย นายพรรณชา บุญนาค รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สมช.ได้จัดประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาการเปิดจุดผ่านแดนครั้งที่ 2/2558 เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมวิจิตรวาทการ ชั้น 3 อาคารสำนักงานสภาความมั่งคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาลเพื่อพิจารณาเรื่อง “การยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าด่านสิงขรเป็นจุดผ่านแดนถาวร”
ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยต่อสื่อในเครือ “ASTVผู้จัดการ” ว่า หลังการประชุมเมื่อเย็นวันที่ 24 มี.ค. เสร็จสิ้นลง ก็ถือว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญของการผลักดันจุดผ่อนปรนทางการค้าด่านสิงขร เป็นจุดผ่านแดนถาวร เกือบ 6 ปีที่ผ่านมา ทางจังหวัด และภาคเอกชนได้พยามร่วมกันผลักดันมาโดยตลอด จนวันนี้ถึงแม้จะยังไม่ได้ยกระดับไปถึงจุดผ่านแดนถาวรก็ตาม แต่สำหรับครั้งนี้ ทาง สมช.ได้เสนอเป็น “จุดผ่อนปรนทางการค้าพิเศษ ด่านสิงขร” และเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่มีการยกระดับในลักษณะพิเศษก่อนที่จะมีการก้าวไปถึงการยกระดับเป็นด่านถาวร
“การยกเป็นจุดผ่อนปรนทางการค้าพิเศษ ด่านสิงขร จะแตกต่างจากเดิมจุดผ่อนปรนทางการค้าด่านสิงขร ซึ่งชาวจังหวัดมะริด พม่า สามารถเข้ามาได้ถึงอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ และชาวไทยจะสามารถเข้าไปถึงจังหวัดมะริดได้ โดยทั้งไทย และพม่า สามารถพักค้าคืนได้ 1 คืน ในเบื้องต้นตามข้อตกลงที่ทางจังหวัดนำเสนอส่วนกำหนดการการเปิด-ปิดของจุดผ่อนปรนการค้าช่องสิงขร ยังเป็นเวลาเดิม 08.00-18.00 น.” นายวีระ กล่าว
นายวีระ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ประชุม สมช.ผ่านความเห็นชอบเบื้องต้นแล้ว ทางจังหวัดจะต้องเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องเป็นหลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม.สัญจร ที่หัวหิน ทั้งนี้ เพื่อกำหนดรายละเอียดขั้นตอนต่อไป รวมไปถึงการแจ้งให้ทางภาคตะนาวศรี ของพม่าให้รับทราบ และก็คงต้องมีการประชุมร่วมกันทั้ง 2 ฝ่ายเช่นกัน โดยขณะนี้ได้แจ้งเบื้องต้นให้ทาง นายอูเมียะ โกะ มุขมนตรีภาคตะนาวศรี และนายอูลา ทั่น ประธานหอการค้าและสภาพอุตสาหกรรมจังหวัดมะริด ได้รับทราบความคืบหน้าในเบื้องต้นไปแล้วเช่นกัน ส่วนทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไท ยได้รับทราบเรื่องที่ทาง สมช.พิจารณาให้เป็นจุดผ่อนปรนทางการค้าด่านสิงขรพิเศษ แล้วเช่นกัน
“แต่การผ่านข้ามแดนนั้นต้องออกหนังสือผ่านแดน BORDER PASS และหนังสือผ่านแดนชั่วคราว TEMPORARY BORDER PASS เบื้องต้น ในส่วนของ BORDER PASS ต้องเป็นคนไทยที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ส่วน TEMPORARY BORDER PASS เป็นคนไทยที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในอำเภออื่นๆ ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และคนในต่างจังหวัด” นายวีระ กล่าว
นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวต่ออีกว่า คาดว่าต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 15-30 วัน กว่าที่ขั้นตอนทางระบบราชการจะแล้วเสร็จ หลังจากนั้น ก็จะเปิดให้มีการผ่านเข้า-ออกข้ามแดนตามประกาศที่ให้เป็นจุดผ่อนปรนทางการค้าพิเศษด่านสิงขร โดยทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้มีอำนาจลงนามในการประกาศ
แต่ในส่วนของการยกระดับขึ้นเป็นด่านถาวร ในขณะนี้ทราบว่า ทางรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ของพม่าก็ทราบเรื่องที่จะมีการมาลงนามร่วมกับฝั่งไทย ในเรื่องการรับรองแนวเขตแดนไทยพม่า ที่มาร่วมสำรวจกันไปแล้ว ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายหลัง จากนั้นก็จะส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศ และนำเข้าที่ประชุม ครม.พิจารณา และส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทย ประกาศยกระดับเป็นด่านถาวรต่อไปแต่ขณะนี้เป็น “ลักษณะพิเศษ” ไปก่อน
“หลังจากนี้เป็นต้นไปหากขั้นตอนของระบบราชการเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่จะตามมาแน่นอนคือ เรื่องการท่องเที่ยวของทั้งประจวบฯ และมะริด ที่ทั้งชาวไทยก็อยากข้ามไปจังหวัดมะริด ชาวพม่า ที่จังหวัดมะริด ตะนาวศรี ก็อยากที่จะข้ามมาท่องเที่ยวในอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งต้องยอมรับว่าจะส่งผลที่ต่อทั้ง 2 ประเทศในเบื้องต้น”
ด้าน นายอูเมียะโกะ มุขมนตรี ภาคตะนาวศรี กล่าวผ่านล่ามต่อผู้สื่อข่าวในเครือ “ASTVผู้จัดการ” ว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้แจ้งถึงมติของสภาความมั่นคงแห่งชาติให้ได้รับทราบ ทั้งนี้ ทางฝ่ายพม่า ทั้งที่ศูนย์ราชการมูด่อง ตรงข้ามด่านสิงขร มีความพร้อมอยู่แล้วในส่วนของราชการ เพราะมีการเปิดเป็นด่านถาวรไว้แล้ว รอเพียงฝั่งไทยเท่านั้นถึงแม้ว่าครั้งนี้จะยังไม่ใช่ “ด่านถาวร” แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวย่างสำคัญของทั้งจังหวัดมะริด และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยเฉพาะประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ จะได้รับประโยชน์ในหลายๆ ด้านในอนาคต
ขณะเดียวกัน นายอูล่า ทั่น ประธานหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมจังหวัดมะริด กล่าวยอมรับว่า ตนกำลังเดินทางกลับจากประเทศไทย และได้รับข่าวดีเรื่องด่านสิงขร จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์แล้ว ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ทั้งกลุ่มนักธุรกิจของ ทั้งพม่า และไทยอย่างแน่อน เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก็เดินทางมาประชุมร่วมกันกับทางภาครัฐ และภาคเอกชนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อหารือในหลายประเด็นทั้งเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนด้านต่างๆ ทั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมประมง ฯลฯ ตอนนี้ก็คงต้องรอทางจังหวัดประจวบฯ ประสานงานในด้านต่างๆ และคงต้องมีการประชุมร่วมกันกับทุกๆ ฝ่ายทั้งจังหวัดมะริด และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ต่อไป
ด้าน นายนิพนธ์ สุวรรณาวา ประธานที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เจ้าของโรงแรมหาดทอง อำเภอเมืองประจวบฯ กล่าวภายหลังทราบถึงความก้าวหน้าของด่านสิงขร ก็รู้สึกดีใจเพราะเรื่องของด่านสิงขร ผลักดันกันมาหลายปีร่วมกับภาครัฐ และหอการค้าจังหวัด ตลอดจนหอการค้าภาคกลาง และหอการค้าใหญ่ ถึงแม้วันนี้ได้เป็นช่องทางพิเศษก่อนที่จะไปสู่ด่านถาวร ก็ถือว่าเป็นจุดสำคัญของจังหวัดประจวบฯ
“ยังไงก็ต้องยอมรับว่าส่งผลดีต่อตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ และชาวพม่า ที่สามารถมาพักค้างคืนได้ ซึ่งจะสร้างรายได้ให้แก่คนในพื้นที่ ถามว่าวันนี้นักท่องเที่ยวอยากไปเที่ยวจังหวัดมะริดหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าใครๆ ก็อยากไป แต่ตอนนี้ทราบว่า เส้นทางจากบ้านมูด่อง-ตะนาวศรี-มะริดนั้นยังเป็นทางลูกรังอยู่ การเดินทางต้องใช้ระยะเวลา 5-6 ชั่วโมง ซึ่งทราบว่า ทางพม่ากำลังเริ่มมีการราดยางเส้นทางบางส่วนจากจังหวัดมะริด-ตะนาวศรี หากเส้นทางดีย่อมต้องส่งผลดีต่อทั้งประจวบฯ และมะริดอย่างแน่นอน” นายนิพนธ์ กล่าว
ขณะที่ นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวอีกครั้งว่า ในการประชุม ครม.สัญจร ระหว่างวันที่ 27-28 มี.ค.นี้ทางจังหวัดได้เตรียมข้อมูลด้านต่างๆ ในการพัฒนาด่านสิงขรไว้แล้ว หากนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีต้องการทราบข้อมูลตนก็จะเสนอให้ทันที ทั้งนี้ เนื่องจากโครงการพัฒนาด่านสิงขรนั้นจะต้องดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง และต้องใช้งบประมาณกว่า 700 ล้านบาท
“นี่ถือว่าเป็นอีกก้าวย่างครั้งสำคัญของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กับการเปิดประตูการค้าการลงทุนกับพม่าครั้งสำคัญ และถือเป็นประตูการค้าที่สำคัญอีกแห่งที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ สิ่งที่สำคัญขณะนี้ทางจังหวัดมะริด พม่าได้เริ่มมีการพัฒนาทั้งการลงทุนด้านโรงแรม สถานีขนส่งผู้โดยสาร โรงพยาบาลเอกชน การต่อเรือรองรับท่องเที่ยว การเปิดการโดยสารทั้งรถบัส และรถตู้ที่วิ่งจากมะริด-บ้านมูด่องแล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มุ่งหวังต่อการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าด่านสิงขร เป็นด่านถาวรนั่นเอง”