เชียงราย - พบสารวัตรปราบปรามยาเสพติดเชียงรายสภาพผูกคอตายภายในบ้านพัก ระบุเสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน เผยเป็นตำรวจฝีมือดีคาดมีปัญหาในครอบครัวเลยคิดสั้นจบชีวิตตัวเอง
วันนี้ (25 มี.ค.) พล.ต.ต.วีระวุฒิ เนียมน้อย ผบก.ภ.เชียงราย พ.ต.อ.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ ผกก.สภ.เมือง จ.เชียงราย ได้รับแจ้งว่ามีเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตภายในห้องพักเลขที่ 449/1 บ้านพักเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นห้องแถวเรียงชั้นเดียวยกพื้นต่ำ อยู่ด้านหลังศูนย์จราจร สภ.เมือง ถนนสิงหไคล และด้านหน้า บก.ภ.เชียงราย เยื้องกับ สภ.เมือง จึงรีบไปตรวจสอบพบศพเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย ชื่อ ร.ต.ต.สาคร คะชา อายุ 55 ปี รองสารวัตรปราบปราม กก.สส.ภ.เชียงราย สภาพไม่สวมเสื้อโดยสวมใส่แต่กางเกงยืดขาสั้น ผูกคอตัวเองด้วยสายไฟฟ้าสีขาวเข้ากับราวแขวนเสื้อผ้าของห้องนอนโดยยังมีเสื้อผ้าเครื่องแบบแขวนปะปนอยู่ด้วย
จึงประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ให้เข้าไปช่วยตรวจสอบศพ พบว่าผู้ตายเสียชีวิตมาแล้วอย่างน้อย 3 วันจนสภาพศพขึ้นอืดและส่งกลิ่นเหม็น เมื่อตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย และภายในห้องก็ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ใดๆ โดยข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ยังคงวางอยู่ตามปกติ เจ้าหน้าที่พบเพียงยารักษาโรคจำนวน 1 ถุงวางอยู่ในห้อง
จากการสอบสวนทราบว่า ร.ต.ต.สาคร อาศัยอยู่ที่ห้องพักดังกล่าวตามลำพัง และก่อนเกิดเหตุไม่มีผู้ใดทราบว่าเจ้าตัวหายไปไหน แต่เพื่อนที่พักอยู่ข้างห้องทราบว่าก่อนที่จะหายตัวไปได้มีการเปิดเครื่องปรับอากาศของห้องเอาไว้ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนจนคนอื่นสงสัยแต่ก็ไม่มีใครติดใจ กระทั่งช่วงบ่ายของวันที่พบศพได้มีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงโชยมาจากบริเวณห้อง แต่ไม่สามารถเปิดเข้าไปดูได้เพราะด้านนอกปิดประตูเอาไว้ จึงได้พากันไปดูที่ใต้ถุนบ้านพบน้ำหยดลงมาอย่างน่าสงสัยจึงประสานนายตำรวจให้เข้าไปตรวจสอบในห้องก็พบศพ ร.ต.ต.สาคร อยู่ในสภาพดังกล่าวแล้ว
ด้าน พล.ต.ต.วีระวุฒิ กล่าวว่า ร.ต.ต.สาครถือเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานดีในด้านการปราบปรามยาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทางตำรวจ ภ.เชียงรายต้องสูญเสียตำรวจฝีมือดีไปอีก 1 นายอย่างน่าเสียดาย
สำหรับสาเหตุของการเสียชีวิตนั้นได้สอบถามเพื่อนร่วมงานในเบื้องต้นทราบว่าอาจจะเกิดจากปัญหาภายในครอบครัวหลายเรื่องทำให้เจ้าตัวหาทางออกไม่ได้และตัดสินใจคิดสั้นดังกล่าว กระนั้นจะได้สืบสวนสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และจะมีการชันสูตรพลิกศพให้เกิดความชัดเจน ก่อนมอบศพให้ญาตินำไปจัดการตามประเพณีต่อไป
