ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตำรวจ สภ.วังน้ำเขียวเร่งกู้ซาก “กระทิง” เขาแผงม้าขึ้นจากคลองน้ำหลังถูกยิงตายเพื่อให้สัตวแพทย์ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตาย ด้านผู้กำกับการคาดเป็นฝีมือชาวบ้านไม่ใช่นักล่ากระทิง เหตุใช้อาวุธปืนลูกซองยิงและเป็นกระทิงอายุน้อยเขายังไม่สวย อาจถูกยิงจากที่อื่นก่อนมาตายในคลองน้ำ เผยชาวบ้านในพื้นที่ได้ยินเสียงปืน
วันนี้ (24 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีชาวบ้านพบกระทิงนอนตายอยู่ในคลองน้ำสาธารณะ บ้านดินอุดม หมู่ 18 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ล่าสุด พ.ต.อ.กิตติ กองแสงศรี ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.วังน้ำเขียว เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นเป็นซากกระทิงเพศผู้ น้ำหนักประมาณ 400-500 กิโลกรัม อายุราว 4 ปี พบมีรอยกระสุน ถูกยิงบริเวณลำตัวและคอด้านซ้าย นอนตะแคงตายอยู่ในคลองน้ำ คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธปืนลูกซอง เนื่องจากมีกระสุนกระจายหลายจุด ตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2-3 วัน โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกเขตห้ามล่ากระทิง เขาแผงม้า
พ.ต.อ.กิตติกล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่จะนำรถแบ็กโฮเข้าไปลากซากกระทิงขึ้นมาจากคลองน้ำเพื่อนำไปให้สัตวแพทย์ผ่าพิสูจน์ซากหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริง ส่วนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ต้องรอผลพิสูจน์ของสัตวแพทย์อีกครั้งเพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เบื้องต้นคาดว่าไม่น่าจะเป็นฝีมือของนักล่ากระทิง เนื่องจากส่วนใหญ่กลุ่มนี้จะใช้ปืนไรเฟิล และกระทิงอายุยังน้อยเขายังไม่สวย จึงสันนิษฐานว่ากระทิงอาจเข้ามารบกวนชาวบ้านหรือเข้ามาหากินอาหารพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านจึงถูกยิง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนหาตัวคนยิงกระทิง เนื่องจากเมื่อประมาณ 3 วันที่ผ่านมามีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยินเสียงปืนดังใกล้กับจุดที่กระทิงตาย พร้อมหาข้อมูลโดยรอบพื้นที่ในเส้นทางที่กระทิงเดินมา แต่อาจเป็นอุปสรรคบ้างเนื่องจากเมื่อคืนฝนตกหนักรอยเท้ากระทิงที่เดินมาอาจถูกฝนชะล้างไป แต่เจ้าหน้าที่จะกระจายการสอบสวนออกไปรอบรัศมีที่พบซากกระทิงเพราะเชื่อว่ากระทิงน่าจะถูกยิงมาจากที่อื่นและเดินทางมากินน้ำในคลองน้ำของชาวบ้านก่อนล้มตายเพราะเสียเลือดมาก
“พื้นที่เขาแผงม้าจะมีการกำหนดโซนห้ามล่ากระทิงไว้ แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่กว้างมีบางจุดที่ไม่มีลวดไฟฟ้า กระทิงฝูงนี้จึงออกมาหากินนอกเขตห้ามล่าซึ่งเป็นป่ารกทึบและเป็นแหล่งอาหาร จนมาถูกยิง อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะตามตัวคนยิงกระทิงมาลงโทษตามกฎหมายได้อย่างแน่นอน” พ.ต.อ.กิตติกล่าว