บุรีรัมย์-สภาพน้ำมูลแห้งขอด กระทบชาวบ้านและเกษตรกรอ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ไม่สามารถเพาะปลูกข้าวนาปรังและเลี้ยงปลากระชังได้ ส่งผลชาวบ้านต้องอพยพไปขายแรงงานต่างถิ่น บางรายเปลี่ยนอาชีพไปเก็บของเก่าขาย หวังหาเงินมาใช้หนี้ที่กู้ยืมมาลงทุนเลี้ยงปลา และเลี้ยงครอบครัว
วันนี้ (21มี.ค.58) หลังจากแม่น้ำมูลที่ไหลผ่าน อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ มีสภาพตื้นเขินและแห้งขอดเร็วกว่าทุกปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบกับชาวบ้านและเกษตรกร บ.ท่าเรือ ต.ท่าม่วง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ไม่สามารถเพาะปลูกข้าวนาปรัง และเลี้ยงปลาในกระชังได้ ซึ่งเป็นอาชีพและสร้างรายได้หลักเลี้ยงครอบครัวของชาวบ้านแถบนี้ ทำให้ชาวบ้านหลายรายต้องพากันอพยพไปหาทำงานรับจ้างยังต่างจังหวัด บางรายเปลี่ยนอาชีพหันไปเก็บของเก่าขาย เพื่อหารายได้ใช้หนี้ทั้งในและนอกระบบที่กู้ยืมมาลงทุนเลี้ยงปลาสะสมเฉลี่ยรายละ 200,000-500,000 บาท และเลี้ยงครอบครัว
จากที่ก่อนหน้านี้ชาวบ้านที่มีอาชีพเลี้ยงปลากระชัง จะมีรายได้จากการเลี้ยงปลาในกระชังปีละ 100,000-200,000 บาท แต่หลังจากน้ำมูลตื้นเขินแห้งขอดติดต่อกันมาหลายปี ทำให้ไม่สามารถเลี้ยงปลาได้ บางรายที่เสี่ยงเลี้ยงก็ประสบปัญหาขาดทุน หลายรายต้องเลิกเลี้ยงไปทำอาชีพอื่นแทน
ด้านนายมุ้ย มาดี อายุ 60 ปี ชาวบ้านบ้านท่าเรือ ต.ท่าม่วง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยเลี้ยงปลาในกระชังเฉลี่ยปีละ 3,000 ตัว แต่หลังจากประสบปัญหาน้ำมูลตื้นเขินและแห้งขอดติดต่อกันมาหลายปี ทำให้ประสบปัญหาขาดทุน เนื่องจากปลาน็อกตาย ปัจจุบันต้องแบกรับภาระหนี้สินจากการกู้ยืมมาลงทุนเลี้ยงปลากระชังสะสมอยู่ถึง300,000 บาท ทำให้ต้องเลิกเลี้ยงปลาหันมาทำอาชีพเก็บของเก่าขาย เนื่องจากไม่สามารถไปทำงานรับจ้างต่างจังหวัดได้ โดยจะมีรายได้เดือนละ 4,000-5,000 บาท เพื่อหาเงินไปชำระหนี้สินและใช้จ่ายในครอบครัว