บุรีรัมย์ - แล้งคุกคามหนัก กระทบพืชอาหารช้างลดน้อยทำให้ควาญช้างในหมู่บ้านเลี้ยงช้างบุรีรัมย์กว่า 50 เชือกต้องนำช้างเลี้ยงไปเข้าโครงการช่วยเหลือฯ ของศูนย์คชศึกษา จ.สุรินทร์ พร้อมทั้งนำออกเร่ร่อนไปรับจ้างตามแหล่งท่องเที่ยวและเดินขายกล้วยอ้อยหารายได้ลดค่าใช้จ่ายซื้ออาหารเลี้ยงช้างวันละ 500-1,000 บาท
วันนี้ (17 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.บุรีรัมย์สถานการณ์ภัยแล้งยังคุกคามประชาชนอยู่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดส่งผลกระทบพืชอาหารช้างตามป่าสาธารณประโยชน์และทุ่งนาที่บ้านพิมานโพนเงินซึ่งเป็นหมู่บ้านเลี้ยงช้างบุรีรัมย์ ต.ท่าม่วง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ทำให้พืชอาหารช้างแห้งตายและมีปริมาณลดน้อยลง ควาญช้างหรือเจ้าของช้างที่บ้านพิมานโพนเงินต้องนำช้างเลี้ยงที่มีในหมู่บ้านกว่า 50 เชือกไปเข้าโครงการยังศูนย์คชศึกษา ร่วมทำกิจกรรมจัดการแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมและศึกษา ที่บ้านตากลาง จ.สุรินทร์ โดยมีค่าตอบแทนเดือนละ 10,800 บาท
นอกจากนั้น ควาญช้างยังได้นำช้างออกไปเร่ร่อนหารายได้โดยการเดินขายกล้วยอ้อยยังต่างจังหวัด และบางส่วนได้นำช้างไปบริการรับจ้างตามแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อ ทั้งภาคกลาง ภาคใต้ เพื่อเป็นรายได้เลี้ยงทั้งคนและช้าง หากช้างอยู่ในพื้นที่ ควาญและเจ้าของช้างต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายชื้ออาหารช้าง 500-1,000 บาทต่อวัน โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงหน้าแล้งทำให้พืชอาหารช้างในหมู่บ้านขาดแคลน ประกอบกับพื้นที่เลี้ยงช้างที่เป็นป่าสาธารณะได้มีกลุ่มชาวบ้านและนายทุนเข้าไปบุกรุกเข้าครอบครองจนใกล้หมดแล้ว ขณะนี้มีช้างเหลือในหมู่บ้านเพียงเชือกเดียวเท่านั้น
นายเหมา ทรัพย์มาก ผู้ใหญ่บ้านพิมานโพนเงิน ซึ่งเป็นหมู่บ้านลี้ยงช้างมากที่สุดใน จ.บุรีรัมย์ ยอมรับว่า ฤดูแล้งกระทบพืชอาหารช้างในหมู่บ้าน ทำให้เจ้าของและควาญช้างนำช้างออกไปรับจ้างตามแหล่งท่องเที่ยวและเดินเร่ขายกล้วย อ้อย ตามจังหวัดต่างๆ เพื่อลดการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารช้าง จึงขอให้ทางภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาช่วยเหลือโดยการจัดสร้างสวนช้างหรือแหล่งท่องเที่ยวให้ทั้งคนและช้างสามารถอยู่ได้ไม่ต้องออกไปเร่ร่อนเหมือนที่ผ่านมา