เชียงใหม่/น่าน - ภัยแล้งลุกลามรุนแรงไม่หยุด ล่าสุดพบ รพ.สันป่าตองขาดแคลนน้ำหนัก บ่อบาดาลแห้งเหือดถึงขั้นไม่พอใช้ฟอกไต-อุปโภค บริโภค ขณะที่พระ เณรเมืองน่านต้องดัดแปลงรถดูดส้วมขนน้ำใช้ในวัด
วันนี้ (13 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากปัญหาหมอกควัน ไฟป่าที่ปกคลุมทั่วทุกจังหวัดในภาคเหนือตอนบน จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ตลอดจนธุรกิจเกี่ยวเนื่องแล้ว หลายพื้นที่ยังต้องประสบปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงมากขึ้นทุกขณะ
ล่าสุดพบว่าแม้แต่โรงพยาบาลสันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ก็กำลังมีปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้แล้ว เนื่องจากบ่อบาดาลของโรงพยาบาลฯ มีระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว จากที่เคยสูบน้ำได้วันละกว่า 2 แสนลิตร ลดลงเหลือเพียงแค่ 5 หมื่นลิตรต่อวันจนไม่พอใช้
ขณะที่แต่ละวันโรงพยาบาลฯ ต้องใช้น้ำในการประกอบอาหาร ล้างอุปกรณ์การแพทย์ ใช้อุปโภคบริโภค และใช้ฟอกไต วันละกว่า 180,000 ลิตร ทำให้ทางโรงพยาบาล ต้องประหยัดน้ำแบบสุดๆ ต้องติดป้ายงดให้ใช้บริการห้องน้ำ พร้อมทั้งขอความร่วมมือทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถึง 13 แห่งหมุนเวียนนำน้ำดิบมากักเก็บไว้ในถังน้ำใต้ดินขนาดใหญ่ วันละกว่า 130,000 ลิตร เพื่อสำรองน้ำผลิตน้ำประปา จนอ่างเก็บน้ำของท้องถิ่นใกล้จะหมดแล้ว คาดว่าในช่วงเดือนเมษายนสถานการณ์น่าจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
นายเจริญ ฟองศรี นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ โรงพยาบาลสันป่าตอง กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลประสบปัญหาแล้งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 57 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการขุดเจาะบ่อบาดาลใหม่ลึกกว่า 200 เมตร ซึ่งปกติสูบน้ำได้มากถึงวันละกว่า 2 แสนลิตร ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 5 หมื่นลิตร และลดลงเรื่อยๆ จึงทำให้น้ำไม่พอใช้ ต้องประหยัดแบบสุดๆ จนส่งผลกระทบต่อทุกแผนกงานในโรงพยาบาล
นายเทียมทัน ปัญญา ประธานชมรมผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อ.สันป่าตอง เปิดเผยว่า ภัยแล้งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเท่านั้น ยังกระทบต่อประชาชนที่ไปเฝ้าไข้ผู้ป่วยด้วยไม่มีน้ำใช้ จึงจะไปยื่นขอความช่วยเหลือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ให้แก้ปัญหาให้พี่น้องชาวอำเภอสันป่าตองอย่างถาวรด้วย
ส่วนที่วัดเจดีย์ ต.ดู่ใต้ อ.เมืองน่าน ขณะนี้สามเณรและเด็กวัดต้องช่วยกันสูบ และขนน้ำจากแม่น้ำน่านขึ้นใส่รถดูดส้วมที่ดัดแปลงมาเป็นรถขนน้ำเพื่อนำน้ำกลับไปใช้รดน้ำต้นไม้และแปลงผักในบริเวณวัด รวมถึงล้างลานวัด ห้องน้ำ และอื่นๆ หลังเริ่มประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ และต้องเสียเงินเพื่อซื้อน้ำมาใช้คันละ 300 บาท
ขณะที่ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วจังหวัดน่านก็เริ่มได้รับผลกระทบบ้างแล้ว ซึ่งนายอุกริช พึ่งโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้สั่งให้ทุกอำเภอเร่งสำรวจความเดือดร้อนของประชาชน แต่ยังไม่มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้ง
