ศรีสะเกษ - นายกพุทธสมาคมศรีสะเกษค้านยุบคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา เผยหากพระอยู่ในกรอบพระธรรมวินัยคงไม่ต้องมีการปฏิรูป แนะหลวงปู่พุทธะอิสระไม่ควรก้าวร้าวต่อพระผู้ใหญ่ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช พร้อมหนุน “ไพบูลย์” สปช.ทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าภารกิจประสบผลสำเร็จ
วันนี้ (3 มี.ค.) นายทิวา รุ้งแก้ว นายกพุทธสมาคมจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้ยุบคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่จะยุบคณะกรรมการชุดนี้ เพราะจะเป็นใครหรืออะไรก็ตามทุกอย่างก็ต้องเคารพกฎหมาย เหตุที่ต้องมีการปฏิรูปพระพุทธศาสนาเพราะพระไม่ทำตามกรอบของพระพุทธศาสนา พระบางรูปทำนอกลู่นอกทางขับรถเองก็มี อีกทั้งพระบางรูปมีเงินเป็นแสนเป็นล้านบาท หรือหลายพันล้านบาท
การที่พระมีเงินมากทำให้เกิดกิเลสตัณหาทั้งที่พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้พระทุกรูปต้องอยู่อย่างสมถะไม่ใช่บวชเพื่อหวังร่ำรวย หากพระได้เงินมาจากการบริจาคของญาติโยมก็ควรแบ่งปันไปยังวัดและโรงเรียนหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ต่างๆ รวมทั้งประชาชนทั่วประเทศที่ยังขาดแคลนในทุกด้านอีกมาก หากมีการแบ่งปันสังคมก็จะอยู่กันอย่างมีความสุข ไม่ใช่มีแต่ “พระเสี่ย” ขับรถหรูหราราคาแพงมากมายอย่างที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้
นายทิวากล่าวต่อว่า ส่วนการที่พระจะออกมาเคลื่อนไหวในวันที่ 12 มี.ค.นั้น ตนเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะการออกมาเคลื่อนไหวไม่ใช่กิจของสงฆ์ หากพระสงฆ์ออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ด้วยใจตนก็ขออนุโมทนา แต่หากออกมาเคลื่อนไหวเพราะเงินหรือว่าเพราะความไม่ชอบส่วนตัวแล้ว ตนเห็นว่าพระที่จะออกมาเคลื่อนไหวควรที่จะไปทำหมู่บ้านศีล 5 ให้สำเร็จจะดีกว่าพากันออกมาเดินขบวนเพื่อพระหรือว่าเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง
ส่วนกรณีหลวงปู่พุทธะอิสระนั้น ตนไม่อยากให้ก้าวร้าวหรือว่าแสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อพระผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพราะถือว่าพระผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชท่านเป็นตัวแทนสถาบันพระพุทธศาสนา จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความเคารพ หากว่าหลวงปู่พุทธะอิสระไม่พอใจในเรื่องนี้ควรที่จะนิ่งสงบลงเสียบ้างก็จะเป็นการดี
“กรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ นั้น จากการที่ได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอดเห็นว่าไม่เคยมีพฤติกรรมในการคุกคาม มส.แต่อย่างใด ทุกอย่างที่นายไพบูลย์กระทำล้วนเป็นไปตามบทบาทหน้าที่ตามกฎหมาย จึงเห็นควรที่จะให้ทำหน้าที่นี้ต่อไปจนกว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายจะประสบผลสำเร็จ และเชื่อว่าการปฏิรูปพระพุทธศาสนาจะทำให้พระพุทธศาสนาของไทยบังเกิดผลดีและเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาโดยรวมเป็นอย่างดียิ่งกว่าเดิม” นายทิวากล่าว