เชียงใหม่ - รวบแก๊งต้มตุ๋น อ้างเป็นทหารยศร้อยโท หลอกเหยื่อเข้ารับราชการทหาร ตบทรัพย์ตามชั้นยศ สิบตรี 7 หมื่น นายร้อย 1-3 แสน แถมให้เข้าฝึกอบรมเสร็จสรรพที่โคราช 2 เดือน ก่อนบอกให้มีประดับยศที่เชียงใหม่ พอถึงเวลานัดเลื่อนแล้วเลื่อนอีก จนเหยื่อรู้ตัวแจ้ง ตร.รวบได้คาโรงแรมพร้อมของกลาง บอกมีทหารยศ “พันโท” เป็นบอสใหญ่
วันนี้ (3 มี.ค.) พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้แถลงข่าวการจับกุมแก๊งต้มตุ๋น ขณะนัดหมายเหยื่อที่อยากรับราชการทหารจากภาคอีสาน ขณะมารับเครื่องแบบที่จะได้รับการบรรจุเข้ารับราชการทหารในห้องพักโรงแรมย่านถนนท่าแพ ซอย 1 กลางเมืองเชียงใหม่
ขบวนการแก๊งต้มตุ๋นหลอกเหยื่อเข้ารับราชการทหารถูกตำรวจเมืองเชียงใหม่จับกุมในห้องพักโรงแรมย่านถนนท่าแพ ซอย 1 กลางเมืองเชียงใหม่ ซึ่งหลอกเหยื่อที่อยากรับราชการทหารจากภาคอีสานมารับเครื่องแบบทหารในห้องพักโรงแรมในตัวเมืองเชียงใหม่ พร้อมของกลางที่ถูกหลอก
พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ระบุว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ครั้งนี้คือ นายชาญวิทย์ ตรัยสถิต อายุ 25 ปี ส่วนของกลางที่ตรวจยึดได้ประกอบด้วยอาวุธปืน และเครื่องกระสุน บัญชีรายชื่อเหยื่อจำนวน 70 คนที่ถูกหลอกเข้ารับราชการทหาร พร้อมกับพวกอีก 3 คน
ผบช.ภ.5 ระบุว่า นายชาญวิทย์ได้แอบอ้างตัวเป็นทหารยศร้อยโท หลอกเหยื่อว่า สามารถนำบุคคลทั่วไปเข้ารับราชการทหาร หากติดยศสิบตรีต้องเสียค่าใช้จ่าย 7 หมื่นบาท, ชั้นยศร้อยตรี 1 แสนบาท บางคนเสียเงินมากถึง 3 แสนบาท โดยให้เหยื่อที่หลงเชื่อเข้ารับการฝึกที่ค่ายลูกเสือมังกรทอง จ.นครราชสีมา เป็นเวลา 2 เดือน หลังฝึกอบรมเสร็จให้มาทำการประดับยศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
เมื่อถึงเวลานัดหมายซึ่งได้แจ้งให้เหยื่อเดินทางไปที่ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ทำการประดับยศ นายชาญวิทย์ได้เลื่อนวันเวลาออกไปเรื่อยๆ ทำให้ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอก จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม
โดยนายชาญวิทย์อ้างว่ารู้จักกับนายทหารยศพันโท ซึ่งรับราชการอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นบอสใหญ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผล เชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการ
เบื้องต้นนายชาญวิทย์ถูกดำเนินคดี ร่วมกับพวกที่หลบหนีฉ้อโกงประชาชน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนเข้าไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร แต่งเครื่องแบบทหารโดยไม่มีสิทธิ์ มีวิทยุโทรคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คนถูกดำเนินคดีข้อหา แต่งเครื่องแบบทหารโดยไม่มีสิทธิ์ และขยายผลจับกุมนายศักดิ์สิทธิ์ เงียบจังหรีด อายุ 30 ปี นายหน้าได้เพิ่มอีก 1 คน
ขณะที่ผู้เสียหายส่วนใหญ่ได้เดินทางมารอที่จังหวัดหลายวันแล้วจนทนรอไม่ไหวเดินทางกลับภูมิลำเนาก่อน พร้อมทั้งฝากเตือนประชาชนพฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นในหลายจังหวัด ควรตรวจสอบให้ดี