xs
xsm
sm
md
lg

สัตวแพทย์เชื่ออีก 72 ชั่วโมง ลูกหมีควายป่ากุยบุรีวัย 2 เดือนอาการดีขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ประจวบคีรีขันธ์ - ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี และสัตวแพทย์ประจำสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทรายฯ นำลูกหมีควายวัย 2 เดือน ไปให้สัตวแพทย์ รพ.สัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวหิน ตรวจดูอาการอีกครั้ง สัตวแพทย์หญิงโรงพยาบาลสัตว์ เชื่ออาการลูกหมีควายน่าจะดีขึ้นในระยะเวลา 72 ชั่วโมง ขณะที่ผู้ทราบเรื่องจากทางสื่อออนไลน์ต่างแสดงความเป็นห่วงอาการลูกหมี และอยากให้ทางกรมอุทยานแห่งชาติ ใช้มาตรการเข้มข้นในการป้องกันปราบปรามปัญหาการลักลอบล่าสัตว์ป่า

วันนี้ (13 ก.พ.) นายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี และสัตวแพทย์หญิง เนตรนภา วิทิตธรรมคุณ สถานีเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทราย อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ได้นำลูกหมีควายเพศผู้วัย 2 เดือน ที่ชาวบ้านพบบริเวณแอ่งน้ำทางทิศใต้ของอ่างเก็บน้ำยางชุม ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา และทางเจ้าหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้ไปตรวจสอบพื้นที่พบว่า เป็นพื้นที่ทำการเกษตรของชาวบ้าน แต่ไม่พบตัวแม่หมีแต่อย่างใด หลังจากนั้นได้นำลูกหมีควายเพศผู้อายุเพียง 2 เดือน ส่งให้สถานีเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทราย เป็นผู้ดูแล เนื่องจากลูกหมีมีอาการชัก และมีร่องรอยบาดแผลที่บริเวณใบหู และบริเวณคอ

โดยในวันนี้ นายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี พร้อมด้วยสัตวแพทย์หญิงเนตรนภา วิทิตธรรมคุณ สถานีเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทราย อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ได้อุ้มลูกหมีอายุ 2 เดือนตัวดังกล่าวมาที่โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อีกครั้ง เพื่อทำการตรวจรักษา หลังจากวานนี้มาตรวจอาการไปแล้ว

โดยนายสัตวแพทย์ ดร.คงศักดิ์ เที่ยงธรรม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวหิน และสัตวแพทย์หญิง สุพัตรา จันทร์โฉม ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท ได้ตรวจสุขภาพของลูกหมีควายอย่างละเอียดอีกครั้ง และชั่งน้ำหนักพบว่า หนักประมาณ 2.9 กิโลกรัม และสอบถามอาการจากสัตวแพทย์หญิง สถานีเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทราย หลังจากวานนี้ได้เข้ามาตรวจรักษาไปแล้ว ซึ่งพบว่า ลูกหมียังคงมีอาการชักอยู่ทุก 1 ชั่วโมง จนทางเจ้าหน้าที่ต้องให้ยาทางทวาร และยังเดินไม่ค่อยไหวเนื่องจากเกิดจากอาการทางระบบประสาทที่อาจไปเกิดการกระแทก และช่วงเวลาที่นำลูกหมีมาถึงโรงพยาบาลสัตว์ฯ อาจช้าไป

สัตวแพทย์หญิงสุพัตรา จันทร์โฉม ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวหิน กล่าวว่า จากการตรวจร่างกายกายพบว่า ลูกหมีควายไม่สามารถทรงตัวเองได้ และอยู่ในอาการเบลอจากการชัก ซึ่งส่งผลต่อสมอง มีอาการรับรู้ต่อความเจ็บปวด ซึ่งประเมินเบื้องต้นคาดว่า สมองส่วนท้ายซึ่งควบคุมการทรงตัว และสมองส่วนกลางที่ควบคุมระบบสั่งการและการรับรู้ความรู้สึกอาจจะมีการติดเชื้อ หรือได้รับการกระทบกระแทก สำหรับอาการชักนั้นจะให้ยาปฏิชีวนะในการรักษาระบบประสาท และระงับอาการชัก

โดยระหว่างนี้ลูกหมีอาจจะยังมีอาการชักอยู่บ้าง แต่ก็จะเริ่มลดความถี่ลง สิ่งสำคัญยังคงมีความเป็นห่วงเรื่องของการติดเชื้อจากบาดแผลที่แจ้งว่าก่อนที่จะไปเจอพบสุนัขอยู่กับลูกหมีและสุนัขเข้ามากัดจนมีบาดแผล ซึ่งก็ได้จัดยาฆ่าเชื้อให้แล้ว ส่วนผลเลือดที่เมื่อวานนี้มาตรวจไม่มีปัญหาอย่างไรถือเป็นปกติ และนับจากวันนี้หลังจากฉีดยาเข้าทางทวารหนักเพื่อลดการชักลงแล้ว ช่วงนี้หลังนำกลับไปดูแลก็จะต้องฉีดยา และให้ยาจนครบ 72 ชั่วโมง เชื่อว่าอาการของลูกหมีน่าจะดีขึ้นตามลำดับ

“ส่วนลูกหมีตัวนี้อาการจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมหรือไม่นั้นก็คงอยู่ที่ขั้นตอนการรักษา และการดูแล แต่ก็เห็นว่าสภาพโดยรวมอาการของลูกหมีน่าจะดีขึ้น และก็จะพยายามลุกขึ้นเดินได้ต่อไป สำหรับช่วงนี้ผู้ดูแลก็คงต้องให้อาหารที่มีพลังงานสูง และเป็นอาการเหลวเนื่องจากลูกหมียังเคี้ยวไม่ได้ โดยทางสถานีเพาะเลี้ยงและขยานพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทราย ได้ให้นมแพะแก่ลูกหมีตัวดังกล่าว และคอยดูแลอาการอย่างใกล้ชิด รวมทั้งอาการชักของลูกหมีต่อไปว่าหลังจากวันนี้อาการจะเป็นอย่างไร” สัตวแพทย์หญิงสุพัตรา กล่าว

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ชาวบ้าน และนักอนุรักรักษ์ รวมไปถึงสื่อสังคมออนไลน์ต่างเกิดความสงสัยว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ว่าตัวแม่หมีควายจะออกจากป่ามาคลอดลูกทิ้งไว้หลังเกิดปัญหาภัยแล้ง ซึ่งขัดแย้งต่อความเป็นจริง เนื่องจากสัญชาตญาณของแม่หมี และลูกหมีต้องอยู่ด้วยกัน เพราะจะหวงลูกมาก โดยเฉพาะลูกหมี ซึ่งยังเดินได้เล็กน้อยเพราะมีอายุเพียง 2 เดือนเท่านั้น และเป็นไปได้ยากที่จะเกิดพลัดหลงกับแม่หมี

อีกทั้งผืนป่าในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เป็นพื้นที่ซึ่งมีการพบหมีควายอาศัยอยู่ ดังนั้น จึงหวั่นวิตกกันว่าอาจจะมีการเข้าไปลักลอบเข้าไปในผืนป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อนำลูกหมีควายออกมาเพราะมีราคาตัวละ 1 หมื่นบาทขึ้นไป แต่อาจเป็นไปได้ว่าขณะผู้ที่ผู้ลักลอบนำออกมาจากป่าลงมาด้านนอกแล้วอาจเกรงกลัวความผิดจึงได้ทิ้งลูกหมีควายตัวดังกล่าวไว้ในพื้นที่ไร่ของชาวบ้านในละแวกดังกล่าว

นายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ออกตรวจสอบ และลาดตระเวนพื้นที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการหาข่าวกลุ่มผู้ลักลอบล่าสัตว์ป่า เนื่องจากในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี มีทั้งช้างป่า และกระทิง ตลอดจนวัวแดง และสัตว์ป่าอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งต้องเพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวนตรวจตรามากยิ่งขึ้น

สำหรับลูกหมีตัวดังกล่าวนั้นต้องอยู่ในความดูแลของสัตวแพทย์หญิงเนตรนภา วิทิตธรรมคุณ สถานีเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยทราย ต่อไป เพราะจะต้องนำลูกหมีกลับมาตรวจดูอาการเป็นระยะๆ หากอาการดีขึ้นตามลำดับก็จะนำส่งกลับไปให้อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้ดูแลในป่าธรรมชาติ และเมื่อสุขภาพแข็งแรงแล้วจึงจะพิจารณาปล่อยลูกหมีตัวดังกล่าวกลับเข้าผืนป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรีต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น