โอละพ่อ! ตร.สัตหีบลั่นคลิปแก๊งปาหินกระฉ่อนเน็ต เป็นการทะเลาะวิวาท (ชมคลิป)

ศูนย์ข่าวศรีราชา - โอละพ่อ! ตร.สัตหีบลั่นคลิปแก๊งปาหินกระฉ่อนเน็ตเป็นการทะเลาะวิวาทของคน 2 ฝ่าย หากเป็นจริงขอให้เจ้าทุกข์เข้าแจ้งความ พร้อมติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี

วันนี้ (12 ก.พ.) พ.ต.อ.เมฒาวิศ ประดิษฐ์ผล ผกก.สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เปิดเผยถึงกรณีเฟซบุ๊กชื่อ Arnon Ng นำคลิปอ้างว่าเป็นแก๊งวัยรุ่นปาหินออกก่อเหตุช่วงเวลา 02.00 น. วันที่ 7 ก.พ.บริเวณหน้าร้านทองแห่งหนึ่ง ริมถนนสุขุมวิท เส้นทางขาเข้าพัทยา กลางสี่แยกไฟแดงกิโลเมตรที่ 1 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยคนร้ายเป็นชาย 2 คน สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สกู๊ปปี้ ลงมาก่อเหตุกับภรรยาเพื่อนรุ่นน้อง ขณะกำลังให้นมกับลูกวัยขวบเศษ และอีก 2 คน วัย 11 ขวบ และ 9 ขวบอยู่ในรถ ด้วยการกระชากประตูหวังเข้ามาทำร้ายภายในรถ ด้วยความตกใจจึงรีบขับรถหนี ซึ่งตลอดระยะทางคนร้ายได้ใช้หินปาใส่ไปจนถึงสี่แยกเจ รวมระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร เมื่อหลุดรอดพ้นจึงได้แจ้งไปที่ 191 และเข้าพบร้อยเวร สภ.สัตหีบ โดยอ้างว่าตำรวจไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพียงแต่บอกว่าคงเป็นเพียงแก๊งกวนเมือง ให้รีบกลับเข้าบ้านเพื่อความปลอดภัย

พ.ต.อ.เมฒาวิศ ประดิษฐ์ผล ผกก.สภ.สัตหีบ กล่าวว่า หลังคลิปวิดีโอนี้ถูกแชร์ต่อกันไปเป็นจำนวนมาก สร้างความหวาดกลัวให้แก่ชาวบ้านที่ใช้รถใช้ถนนผ่านเส้นทางดังกล่าวในช่วงค่ำคืน ตลอดจนทาง สภ.สัตหีบ ได้ถูกมองในภาพลบฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลเสียเป็นอย่างมาก

ล่าสุด จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ในวันเวลาที่ระบุไว้ในเฟซบุ๊กไม่เป็นจริงตามที่กล่าวอ้าง เนื่องจากในเวลานั้น ร.ต.ท.วิศิษฐ์ จันทนลิขิต ร้อยเวรประจำวัน ได้เข้ารายงานไม่มีการรับแจ้งถึงเหตุนี้ พร้อมบันทึกประจำวันก็ไม่ได้ระบุถึงเหตุการณ์นี้ไว้ และเมื่อติดต่อไปทางเจ้าของเฟซบุ๊กก็ปฏิเสธในการให้ข้อมูลถึงผู้เคราะห์ร้าย

จากภาพที่ระบุถึงแก๊งปาหินก็ขัดต่อความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง เนื่องจากที่เกิดเหตุเป็นแหล่งชุมชน มีผู้คน และรถสัญจรผ่านไปมาตลอดเวลา จากภาพน่าจะเป็นการมีเรื่องกันของคน 2 ฝ่าย เมื่อฝ่ายคนร้ายพยายามเปิดประตูลงมาให้เคลียร์ปัญหา แต่กับถูกอีกฝ่ายขับรถหนี ด้วยอารมณ์จึงกระโดดถีบรถจนได้รับความเสียหาย ส่วนเรื่องหินในคลิปก็ไม่ได้ระบุไว้แต่อย่างใด เป็นเพียงการกล่าวอ้างของผู้นำคลิปมาลงเท่านั้น จึงฝากไปยังผู้โพสต์หากเรื่องดังกล่าวเป็นจริงตามที่กล่าวอ้าง ก็ขอให้นำตัวเจ้าทุกข์เข้าแจ้งความ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พร้อมจะติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้แน่นอน