ศรีสะเกษ - ผู้ว่าฯ ไทยจับมือผู้ว่าฯ เขมรสำรวจพื้นที่แนวกันชนชายแดนช่องสะงำ ยอมถอยประชาชนจากแนวเขตแดนฝ่ายละ 250 เมตร
วันนี้ (12 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณเมืองใหม่ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ ปลัด จ.ศรีสะเกษ พ.อ.ณัฎฐ์ ศรีอินทร์ รองเสนาธิการกองกำลังสุรนารี พ.อ.สาธิต เกิดโภค รอง ผบ.ฉก.3 พ.อ.วีระยุทธ รักศิลป์ หัวหน้าประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ประชุมร่วมกับฝ่ายกัมพูชา นำโดย นายซอ ทาวี ผู้ว่าราชการอุดรมีชัย และ พล.ท.นวล โน รอง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา
ทั้งนี้ เพื่อร่วมกันหารือเกี่ยวกับการจัดทำแนวกันชนชายแดน (Buffer Zone) ไทย-กัมพูชา บริเวณชายแดนช่องสะงำ เพื่อพัฒนาไปสู่การป้องกันปัญหาข้อพิพาทเรื่องเขตแดนที่ยังไม่ชัดเจน จากนั้นได้ร่วมกันไปเดินสำรวจพื้นที่แนวกันชนชายแดน ทั้งเขตแดนไทยและเขตแดนกัมพูชา ซึ่งพบว่ามีประชาชนทั้งไทยและกัมพูชาเข้ามาทำการปลูกสร้างบ้านพักอาศัย ทำเป็นร้านค้า และบางส่วนได้พื้นที่ทำการเกษตร ซึ่งประชาชนทั้งสองฝ่ายต่างยินดีให้ความร่วมมือในการเคลื่อนย้ายออกจากแนวกันชนชายแดนตามที่ได้มีมติกันเอาไว้
นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ รองผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกันในครั้งนี้มีมติว่าจะมีการเคลื่อนย้ายสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่อาจกระทบต่อการปักปันเขตแดนในอนาคตออกไปฝ่ายละ 250 เมตร ส่วนด้านข้างทิศตะวันออกของช่องสะงำจะมีการถอยห่างออกไปอีกฝ่ายละ 500 เมตร สำหรับสิ่งก่อสร้างถาวรที่มีอยู่จะให้คงเดิมเอาไว้เท่าที่จำเป็น และจะไม่ให้มีการปลูกสร้างขึ้นมาเพิ่มเติม
อีกทั้งจะมีการจัดระเบียบเพื่อไม่ให้มีการเกิดข้อพิพาทระหว่างกันขึ้นมาอีก โดยจะร่วมกันพัฒนาด่านช่องสะงำให้ก้าวไปสู่มาตรฐานสากลด้วย สำหรับกาสิโนและโรงแรมขนาดใหญ่ในเขตของกัมพูชานั้นอยู่นอกเขต MOU ปี 2543 คือเกินกว่า 500 เมตร จากแนวเขตแดนไทย-กัมพูชา
ทางด้าน นายซอ ทาวี ผู้ว่าฯ อุดรมีชัย กล่าวว่า ตนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่จะมีการจัดทำแนวกันชนชายแดนกัมพูชา-ไทย เพราะว่าจะทำให้ไม่เกิดปัญหาข้อพิพาทระหว่างสองชาติบริเวณช่องสะงำอีกต่อไป โดยตนจะทำการเคลื่อนย้ายประชาชนชาวกัมพูชาให้ออกจากแนวกันชนที่กำหนดไว้ คือฝ่ายละ 250 เมตรในเร็วๆ นี้ จะได้เป็นการสร้างสันติสุขร่วมกันที่ช่องสะงำ ซึ่งตนจะได้รายงานเรื่องนี้ให้รัฐบาลกัมพูชาได้รับทราบต่อไป