“กรมสหกรณ์” รับลูก “นายกฯ ประยุทธ์” เร่งสร้างสหกรณ์เข้มแข็ง-ชูโคราชต้นแบบ

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- กรมส่งเสริมสหกรณ์รับลูก “นายกฯ ประยุทธ์” ลงพื้นที่ชมสหกรณ์การเกษตรพิมาย โคราช เร่งสร้างความเข้มแข็งสหกรณ์ทั่วประเทศเพื่อให้เกษตรกรรวมกลุ่มมากขึ้นเพิ่มอำนาจต่อรองสูง ชูโคราชต้นแบบสหกรณ์เข้มแข็ง แยกประเภทความชำนาญเพื่อให้เป็นศูนย์กลางรวบรวมสินค้าเกษตร

วันนี้ (3 ก.พ.) นายโอภาส กลั่นบุศย์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยที่จังหวัดนครราชสีมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความตั้งใจที่จะพัฒนาประชาชนให้มีความกินดีอยู่ดี และเห็นว่าสหกรณ์เป็นชุมชนกลุ่มใหญ่ที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การที่เดินทางมาพบปะเกษตรกรและประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ( นบข.) ครั้งที่ 1/2558 นอกสถานที่เป็นครั้งแรก ที่สหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) เพื่อต้องการเห็นสภาพความเป็นจริงของสหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด

ทั้งนี้ สหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด แห่งนี้ได้รับการจดทะเบียนมา 40 ปีแล้ว คือวันที่ 15 พ.ย. 2517 โดยการควบเข้ากันของ 5 สหกรณ์ด้วยทุนเพียงประมาณ 2 ล้านบาท มีสมาชิกกว่า 2,000 คน ขณะนี้มีเงินทุนของตัวเองมากถึง 350 ล้านบาท มีสินทรัพย์กว่า 1,000 ล้านบาท และมีสมาชิกกว่า 11,000 คน หรือ 80% ของเกษตรกรใน อ.พิมาย ซึ่งคนเหล่านี้มีความเป็นอยู่ดีขึ้นจากการเป็นสมาชิกของสหกรณ์ ถือเป็นสหกรณ์ที่มีความเข้มแข็ง ซึ่งแตกต่างจากสถาบันอื่นๆ ทำให้นายกรัฐมนตรีมีความสนใจและเดินทางมาดูในครั้งนี้ ซึ่งในพื้นที่ จ.นครราชสีมายังมีสหกรณ์อีกหลายแห่งที่เข้มแข็ง

นายโอภาสกล่าวต่อว่า สำหรับการพัฒนาสหกรณ์เพื่อให้เป็นเครื่องมือสำคัญและสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชนตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้น นายกรัฐมนตรีประสงค์จะให้ประชาชนรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์ให้มากขึ้น โดยจะใช้ จ.นครราชสีมาเป็นต้นแบบในการที่จะพัฒนา ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ต้องตอบสนองนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยเบื้องต้นที่ได้พูดคุยกัน เช่น ใน จ.นครราชสีมามีผลิตผลการเกษตรหลายอย่างที่มีศักยภาพสูง เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง สิ่งเหล่านี้อาจต้องให้สหกรณ์ที่มีความชำนาญเฉพาะ เช่น ข้าว อาจจะให้สหกรณ์การเกษตรพิมายเป็นศูนย์กลางในการดูแลสมาชิกสหกรณ์หรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชน หรือกลุ่มอื่นๆ ในการดำเนินการรวบรวมข้าวเปลือก และแปรรูปจากสมาชิก เพราะเป็นสหกรณ์ที่มีความเข้มแข็งในด้านนี้อยู่

ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งแหล่งเพาะปลูกใหญ่อยู่ด้าน อ.ปากช่อง อาจให้สหกรณ์นิคมลำตะคองเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้าวโพด ขณะที่มันสำปะหลังอาจให้สหกรณ์ในพื้นที่ อ.เสิงสาง แหล่งผลิตมันสำปะหลังของไทย รวบรวมเพื่อให้สามารถต่อรองราคาและเพิ่มมูลค่าของผลผลิตได้มากขึ้น

“สิ่งเหล่านี้คิดว่าจะต้องตอบสนองนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในการสร้างความเข้มแข็งและให้สหกรณ์เป็นผู้ซื้อผู้ขายรายใหญ่ได้ตามนโยบายรัฐบาล” นายโอภาสกล่าว