ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สภาหอการค้าไทยประเดิมจัดเวทีสัมมนา “ปฏิรูปผังเมือง 5 ภูมิภาค” ที่เชียงใหม่ ระดมความคิดเห็นรวบรวมข้อเสนอเน้นการมีส่วนร่วมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอภาครัฐ หวังนำไปสู่การปรับปรุงแนวทางการกำหนดผังเมืองให้เกิดการพัฒนาและใช้ประโยชน์ได้สอดคล้องตามสภาพความเป็นจริง
วันนี้ (2 ก.พ. 58) นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการสัมมนาหัวข้อ “ปฏิรูปผังเมือง 5 ภูมิภาค” ซึ่งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์จัดขึ้นและมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ที่โรงแรมแชงกรี-ลา เชียงใหม่
ทั้งนี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน เจ้าของที่ดิน ผู้ใช้ประโยชน์ที่ดิน ผู้ประกอบการ ภาครัฐ และภาคเอกชน ที่มีส่วนได้เสียในจังหวัดเชียงใหม่ ถึงปัญหาผังเมืองที่ยังมีกระบวนการขั้นตอนที่มีจุดอ่อนและปัญหาอุปสรรค เนื่องจากการวางยุทธศาสตร์ผังเมืองในทุกระดับ ตลอดจนการขาดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ขาดการบูรณาการและพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเมืองให้เป็นไปอย่างเหมาะสม
นายอธิป พีชานนท์ ประธานสมาคมการค้าธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้เป็นการมองภาพรวมทั้งภาคเหนือ โดยการจัดที่จังหวัดเชียงใหม่นั้นเนื่องจากเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดและถือได้ว่าเป็นเมืองหลวงของภาคเหนือ ซึ่งในอดีตทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยอาจจะไม่ได้มีส่วนร่วมเท่าที่ควร ทำให้ผังเมืองนั้นเป็นการมองในลักษณะมิติจากฝั่งทางภาครัฐเข้ามาใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งจริงๆ แล้วคนที่ใช้พื้นที่อย่างแท้จริงนั้นคือประชาชน ภาคเอกชน รวมถึงภาคส่วนต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง น่าจะเป็นผู้ที่ให้ข้อมูลได้ดีที่สุด
รวมไปถึงวัตถุประสงค์ความต้องการหรือแนวทางที่จะใช้ประโยชน์ที่ดินของตัวเอง เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้จะไปเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของการพัฒนาเศรษฐกิจของภาค และธุรกิจทั้งอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม เกษตรกรรม การท่องเที่ยว และส่วนอื่นๆ ทั้งหมด
ทั้งนี้ หากต่างคนต่างไม่ให้ความสนใจก็จะทำให้สิ่งที่ทำออกมาไม่ตรงตามที่ควรจะเป็นและจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัว เนื่องจากในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการเปิด AEC ซึ่งความเห็นส่วนตัวเชื่อว่าประเทศเพื่อนบ้านก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน จึงจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องมียุทธศาสตร์ในการพัฒนาผังเมืองประเทศที่ดี และภาคเหนือนั้นถือว่าเป็นส่วนที่มีความสำคัญอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ควรจะต้องมีการปรับปรุงและต้องมีการตื่นตัว จึงมองว่าจุดนี้เป็นโอกาสที่ดีซึ่งจะได้พยายามรวบรวมข้อมูลทั้ง 5 ภาคให้เสร็จโดยเร็วที่สุดเพื่อเป็นการนำเสนอมุมมองของภาคเอกชน