กรมทางหลวงจัดเวทีแจงชาวบ้าน โครงการตัดถนนใหม่เชียงใหม่-ลำพูน

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - กรมทางหลวงจัดเวทีชี้แจงรายละเอียด และทำความเข้าใจประชาชน 2 ตำบล “ป่าแดด-สันผักหวาน” กรณีโครงการทางหลวงแนวใหม่สายเชียงใหม่-ลำพูน ยืนยันงัดทุกมาตรการมาใช้ ให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด

กรมทางหลวงและบริษัทที่ปรึกษาโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการทางหลวงแนวใหม่ สายเชียงใหม่-ลำพูน จัดการประชุมชี้แจงรายละเอียดโครงการ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ตำบลป่าแดด อำเภอเมือง และตำบลสันผักหวาน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลป่าแดด ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ประชาชนในพื้นที่ได้เข้ายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อคัดค้านและเรียกร้องให้ยกเลิกโครงการ เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับผลกระทบจากการที่ถนนตัดผ่านหมู่บ้าน และที่ผ่านมาไม่ได้มีส่วนร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นของโครงการ

โดยเจ้าหน้าที่ของกรมทางหลวง และบริษัทที่ปรึกษาชี้แจงว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ได้ศึกษาจัดทำแผนไว้ตั้งแต่ปี 2550 แล้ว เพื่อรองรับปริมาณการจราจรของผู้ใช้เส้นทางระหว่างเชียงใหม่กับลำพูนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากถนนที่มีอยู่เดิมเริ่มจะไม่เพียงพอรองรับแล้ว รวมทั้งลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ ลดระยะเวลาการเดินทาง และประหยัดค่าใช้จ่าย ตลอดจนรองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของทั้งสองจังหวัด เพียงแต่ที่ผ่านมายังไม่ได้มีการดำเนินการ จนกระทั่งในปี 2555 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีการออกประกาศกำหนดให้โครงการที่จะตัดผ่านพื้นที่โบราณสถาน หรือแหล่งโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนต่อกรมศิลปากร จะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม จึงทำให้โครงการนี้ต้องมีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง

สำหรับแนวเส้นทางของทางหลวงแนวใหม่สายเชียงใหม่-ลำพูน มีการปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อยจากที่ศึกษาไว้เมื่อปี 2550 จนกระทั่งได้แนวเส้นทางปัจจุบันที่มีระยะทาง 19.52 กิโลเมตร เนื่องจากพื้นที่มีการพัฒนาและมีสิ่งปลูกสร้างหนาแน่นขึ้น ซึ่งการพิจารณาแนวเส้นทางมุ่งหมายให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด โดยยึดให้ความสำคัญใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ วิศวกรรม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ แนวเวนคืนที่ดินที่จะมีการออกเป็นกฎหมายนั้นจะมีระยะจากจุดกึ่งกลางของแนวเส้นทางออกไปสองข้างทางข้างละ 200 เมตร แต่จะมีการเวนคืนเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการจริงเพียงข้างละ 60 เมตรเท่านั้น ซึ่งยืนยันว่าหากมีการดำเนินโครงการจะก่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด และพร้อมที่จะมีการดำเนินการทุกมาตรการ ที่เป็นการช่วยลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ชุมชน

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากการรับฟังการชี้แจงในครั้งนี้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่คลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากโครงการลงได้ระดับหนึ่ง จากการที่มีการรับปากว่าจะดูแล และมีมาตรการควบคุมผลกระทบอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังคงมีความเป็นห่วงอยู่ โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับแนวเส้นทางที่ผ่านหมู่บ้านวังตาล ที่มีบ้านเรือนกว่า 600 หลังคาเรือน และอีกหลายหมู่บ้านที่อยู่ในแนวเส้นทาง ที่จะได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย