พะเยา - ตำรวจภาค 5 บูรณาการร่วมกับ ตำรวจเมืองกว๊านฯ รวบสมุน “พันโท ยี่เซ” ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ยึดของกลางยาบ้าได้เกือบ 400,000 เม็ด มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท เตรียมขยายผลจับกุมขบวนการเพิ่มอีก 3-4 ราย
บ่ายวันนี้ (2 ก.พ. 58) พล.ต.ต.ประหยัชว์ บุญศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยนายนิมิต วันไชยธนวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา, ผู้แทนจากจังหวัดทหารบกพะเยา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงการจับกุมเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดใหญ่ ที่ตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา
การจับกุมมีขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงคำได้ทำการตรวจยึดยาบ้าของกลางจำนวน 396,000 เม็ด ได้ที่สถานที่จำหน่ายตั๋วและรับฝากพัสดุของบริษัท ขนส่ง จำกัด สถานีขนส่งอำเภอเชียงคำ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา
ต่อมาทาง พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้สั่งการชุดปฏิบัติการสืบสวนขยายผล เพื่อติดตามจับกุมกลุ่มขบวนการเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่ทางตำรวจได้ติดตามพฤติการณ์มาอย่างต่อเนื่อง
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 4 ราย ที่บริเวณสถานีขนส่งหมอชิต 2 กรุงเทพมหานคร คือ นายจอมพล หรือโจ้ พันธิ์จินา อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118 หมู่ 8 ต.อ่างทอง อ.เชียงคำ จ.พะเยา, นายสุธี หรือแม็ค ต้องโพนทอง อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73/1 หมู่ 8 ต.อ่างทอง อ.เชียงคำ จ.พะเยา, นายยุทธงษ์ หรือแดง แซงราชา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 หมู่ 4 ต.อ่างทอง อ.เชียงคำ จ.พะเยา และนายธีระยุทธ์ หรือบอย ทองดี อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 38/1 หมู่ 2 ต.สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลางรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน มาร์ช สีขาวหมายเลขทะเบียน ญษ 8804 กรุงเทพมหานคร และโทรศัพท์มือถือ
พล.ต.ต.ประหยัชว์กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้าครั้งนี้เป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดพะเยา จังหวัดทหารบกพะเยา ตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา สภ.เชียงคำ และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดพะเยา โดยกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดที่จับกุมได้ในครั้งนี้เป็นเครือข่ายของพันโท ยี่เซ ตามลักษณะรูปแบบการแพกยาเสพติด ซึ่งมีการทำงานสั่งการอย่างเป็นระบบเชื่อมโยงกันทั้งต้นทางและปลายทาง
ทั้งนี้ คาดว่าหากยาเสพติดดังกล่าวหลุดไปยังปลายทางได้จะมีมูลค่ามากกว่า 120 ล้านบาท หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการขยายผลจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดที่เหลือ อีกราว 3-4 ราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในขณะนี้ได้