ศูนย์ข่าวศรีราชา - รพ.พญาไทศรีราชา ซ้อมแผนรับมืออุบัติเหตุหมู่สารเคมีรั่วไหล เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์จริง หลังพบปี 2557 ต้องรับมือต่อเหตุรั่วไหลของสารเคมีถึง 3 เหตุการณ์ใหญ่
วันนี้ (28 ม.ค.) โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา จ.ชลบุรี ได้จัดซ้อมแผนอุบัติเหตุหมู่สารเคมีรั่วไหล เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือต่อสถานการณ์จริงที่อาจเกิดขึ้น โดยมี นายแพทย์เกษม ใช้คล่องกิจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูกและข้อ ประจำศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ เป็นประธานการซ้อมแผน โดยจำลองสถานการณ์คนไข้ 10 คน ได้รับบาดเจ็บจากสารเคมีตามร่างกายหลายลักษณะ ทั้งการบาดเจ็บจากการระคายเคือง กระดูกหัก บาดเจ็บอวัยวะภายจนถึงขั้นผ่าตัด ซึ่งในจำนวนนี้ต้องทำการกู้ชีพแบบเร่งด่วน ต้องระดมบุคลากรที่เกี่ยวข้องต่อการกู้ชีพจากการหยุดหายใจ และทำการผ่าตัดเร่งด่วน นอกจากนั้น ยังมีคนไข้ที่ต้องได้รับการล้างตัวใหม่
นายแพทย์เกษม เผยว่า จุดประสงค์สำคัญของการจัดซ้อมแผนดังกล่าว ก็เพื่อเพิ่มประสบการณ์และความพร้อมในการรองรับอุบัติภัยหมู่ที่เกี่ยวกับสารเคมีรั่วไหล เนื่องจากอุบัติภัยในลักษณะนี้มีรายละเอียดที่แตกต่างจากอุบัติเหตุทางยานพาหนะ นอกจากนั้น ยังเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการเพื่อยกระดับการเป็นศูนย์อุบัติเหตุ และฉุกเฉินของโรงพยาบาลให้อยู่ในชั้นแนวหน้า
“เรื่องของอุบัติเหตุด้านสารเคมีในปัจจุบันต้องยอมรับว่า ทางโรงพยาบาลได้ให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2557 ที่ผ่านมา ได้ให้การดูแลอุบัติภัยด้านสารเคมีรั่วไหลถึง 3 เหตุการณ์ใหญ่ และแต่ละเหตุการณ์มีความรุนแรง และจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บมากน้อยแตกต่างกันไป จึงตระหนักว่าเรามีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มประสบการณ์ และสมรรถนะให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว เนื่องจากอยู่ในย่านอุตสาหกรรม ซึ่งก็มักจะมีเคมี หรือเชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ไม่ยาก”
ขณะที่การดูแลผู้บาดเจ็บจากสารเคมีในขั้นตอนแรก ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจำเป็นที่จะต้องทราบชนิด และประเภทของสารเคมีว่ามีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด เพราะจำเป็นต้องเตรียมยาหรือเวชภัณฑ์จำเพาะเพื่อมาแก้ หรือลดความรุนแรงลง ที่สำคัญสารเคมีเหล่านี้มีโอกาสที่จะปนเปื้อน หรือแพร่กระจายสู่บุคคลที่เข้ามาสัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็นทีมผู้ช่วยเหลือ หรือทีมผู้ให้การรักษา นอกจากนั้น สารเคมีเหล่านี้ยังสามารถแพร่กระจายสู่สิ่งแวดล้อม และชุมชนต่างๆ ซึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บจำเป็นต้องมีการจำกัดพื้นที่ในการดูแล และบุคลากรที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการรักษาต้องใช้ในจำนวนที่เหมาะสม เพื่อลดการแพร่กระจายของสารปนเปื้อน
“ผู้ที่เกี่ยวข้องในการดูแลรักษาจำเป็นต้องสวมใสชุด อุปกรณ์เพื่อปกป้องการแพร่กระจายของสารเคมีที่จะติดมากับผู้บาดเจ็บ นอกจากนั้น การซ้อมแผนในครั้งนี้เราได้จำลองเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากสารเคมีจำนวนหนึ่ง ที่จำเป็นต้องมีการชะล้างด้วยการใช้น้ำฉีด ลดทอนสารเคมีที่ติดตัวมา จึงต้องมีการเปลี่ยนเสื้อผ้า และเก็บอุปกรณ์ที่ติดตัวผู้ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากต้องคิดเสมอว่าอาจมีสารเคมีที่เป็นอันตราย”
นายแพทย์เกษม สรุปผลการซ้อมแผนวันนี้ว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่มีความตี่นตัว และมีประสิทธิภาพในการฝึกซ้อมระดับที่น่าพอใจ แต่สิ่งที่ต้องเน้นย้ำ คือ การปะทะกับคนไข้ ที่บางครั้งยังบอกไม่ได้ว่ามีสารเคมีปนอยู่กับตัวมากน้อยเพียงใด ผู้ปฏิบัติจึงต้องสวมใสชุด และอุปกรณ์ในทุกบุคลากรที่เกี่ยวข้องต่อการสนับสนุน และสิ่งที่อาจเป็นปัญหา คือ เส้นทางขนส่ง รวมทั้งการวางตำแหน่งเส้นทางของรถ การขนคนลงจากรถ รวมทั้งสิ่งที่ยากที่สุด คือ การจัดสถานที่เพื่อชะล้างสารเคมี ที่ต้องเป็นสถานที่ที่ปกปิดจากการแพร่กระจาย และปลอดภัยทั้งคนล้าง คนถูกล้าง เนื่องจากน้ำที่ชะล้างออกมาถือเป็นน้ำที่มีการปนเปื้อน ดังนั้น การบรรจุภาชนะเพื่อนำไปกำจัดต้องมีความเหมาะสม ไม่ใช่การปล่อยลงท่อระบายน้ำซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง