อุตรดิตถ์ - ชาววังกะพี้โอดครวญหนัก ตลิ่งน้ำน่านทรุดต่อเนื่องตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่ปี 54 ต้องย้ายบ้านหนีไปแล้ว 3 หลัง ที่เหลือก็อยู่กันแบบหวาดผวา จนถึงวันนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนมาดูแลแก้ไข บอกร้องทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องทั้งระดับอำเภอ ผู้ว่าฯ โยธาฯ เจ้าท่า เงียบเป็นเป่าสาก
นายประหยัด ครุฑเมือง กำนันตำบลวังกะพี้ อ.เมืองอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ตลิ่งแม่น้ำน่าน บริเวณบ้านวังกะพี้ หมู่ 6 ต.วังกะพี้ เกิดทรุดตัวลงระยะทางยาวกว่า 275 เมตร ตั้งแต่ปี 54 ทำให้ชาวบ้าน 3 หลังคาเรือนต้องรื้อถอนบ้านหนีไปอาศัยอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัยมาก่อนแล้ว จนถึงขณะนี้แนวตลิ่งก็ยังทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ถนนคอนกรีตที่ประชาชนใช้สัญจรไปมาไม่สามารถใช้งานได้แล้ว
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่ริมตลิ่งต่างพากันผวากลางคืนนอนไม่หลับ พยายามหาที่ดินผืนใหม่เพื่อย้ายบ้านหนี แต่ไม่รู้ว่าจะย้ายไปอยู่ไหน เพราะส่วนใหญ่มีที่ดินผืนนี้ผืนเดียวเท่านั้น
นายประหยัดกล่าวว่า ตลิ่งแม่น้ำน่านเริ่มทรุด และพังทลายตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 เพราะเป็นโค้งน้ำ เมื่อน้ำแรงก็จะกระแทกเข้าตลิ่งกัดเซาะทีละเล็กทีละน้อย แนวตลิ่งที่เคยห่างจากบ้านเรือนประชาชน 60 เมตร เริ่มทรุดหนักถึงบ้านเรือนประชาชนเมื่อต้นเดือนกันยายน ปี 57
โดยชาวบ้านได้พยายามแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ระดับอำเภอ ตลอดจนนายชัช กิตตินภดล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ก็เข้าพื้นที่มาดูเอง พร้อมประสานไปยังกรมโยธาธิการและผังเมือง สุดท้ายได้รับแจ้งว่าไม่มีงบประมาณนำมาแก้ไขให้ เช่นเดียวกับกรมเจ้าท่าก็มาตรวจสอบแต่ก็เงียบหายไปอีกเช่นกัน จึงทำให้ชาวบ้านหลายครอบครัวกำลังเดือดร้อนหนักเพราะตลิ่งพังอย่างต่อเนื่อง
“ทุกวันนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านลดน้อยลง ตลิ่งก็พังทลายลงต่อเนื่อง หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เข้ามาแก้ไขอนาคตบ้านเรือนประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงจะมีชะตากรรมอย่างไรก็ไม่รู้ ทั้งที่จริงอย่างน้อยก็น่ามีจะงบประมาณมาป้องกันไม่ให้ตลิ่งพังเพิ่มขึ้นอีก เช่น การนำไม้ หรือเสาเข็มมาตอกฝังลงไปเป็นการชั่วคราวก่อน เพราะยิ่งแล้งมากเท่าใดหรือช่วงฤดูฝนมีน้ำเพิ่มขึ้นตลิ่งก็จะยิ่งพังลงอีก นานวันที่ดินของประชาชนก็ยิ่งจะหมดไปเรื่อยๆ” นายประหยัดกล่าว
นายประหยัด ครุฑเมือง กำนันตำบลวังกะพี้ อ.เมืองอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ตลิ่งแม่น้ำน่าน บริเวณบ้านวังกะพี้ หมู่ 6 ต.วังกะพี้ เกิดทรุดตัวลงระยะทางยาวกว่า 275 เมตร ตั้งแต่ปี 54 ทำให้ชาวบ้าน 3 หลังคาเรือนต้องรื้อถอนบ้านหนีไปอาศัยอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัยมาก่อนแล้ว จนถึงขณะนี้แนวตลิ่งก็ยังทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ถนนคอนกรีตที่ประชาชนใช้สัญจรไปมาไม่สามารถใช้งานได้แล้ว
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่ริมตลิ่งต่างพากันผวากลางคืนนอนไม่หลับ พยายามหาที่ดินผืนใหม่เพื่อย้ายบ้านหนี แต่ไม่รู้ว่าจะย้ายไปอยู่ไหน เพราะส่วนใหญ่มีที่ดินผืนนี้ผืนเดียวเท่านั้น
นายประหยัดกล่าวว่า ตลิ่งแม่น้ำน่านเริ่มทรุด และพังทลายตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 เพราะเป็นโค้งน้ำ เมื่อน้ำแรงก็จะกระแทกเข้าตลิ่งกัดเซาะทีละเล็กทีละน้อย แนวตลิ่งที่เคยห่างจากบ้านเรือนประชาชน 60 เมตร เริ่มทรุดหนักถึงบ้านเรือนประชาชนเมื่อต้นเดือนกันยายน ปี 57
โดยชาวบ้านได้พยายามแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ระดับอำเภอ ตลอดจนนายชัช กิตตินภดล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ก็เข้าพื้นที่มาดูเอง พร้อมประสานไปยังกรมโยธาธิการและผังเมือง สุดท้ายได้รับแจ้งว่าไม่มีงบประมาณนำมาแก้ไขให้ เช่นเดียวกับกรมเจ้าท่าก็มาตรวจสอบแต่ก็เงียบหายไปอีกเช่นกัน จึงทำให้ชาวบ้านหลายครอบครัวกำลังเดือดร้อนหนักเพราะตลิ่งพังอย่างต่อเนื่อง
“ทุกวันนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านลดน้อยลง ตลิ่งก็พังทลายลงต่อเนื่อง หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เข้ามาแก้ไขอนาคตบ้านเรือนประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงจะมีชะตากรรมอย่างไรก็ไม่รู้ ทั้งที่จริงอย่างน้อยก็น่ามีจะงบประมาณมาป้องกันไม่ให้ตลิ่งพังเพิ่มขึ้นอีก เช่น การนำไม้ หรือเสาเข็มมาตอกฝังลงไปเป็นการชั่วคราวก่อน เพราะยิ่งแล้งมากเท่าใดหรือช่วงฤดูฝนมีน้ำเพิ่มขึ้นตลิ่งก็จะยิ่งพังลงอีก นานวันที่ดินของประชาชนก็ยิ่งจะหมดไปเรื่อยๆ” นายประหยัดกล่าว