ฉะเชิงเทรา - ยายหอมเศร้าหลานทั้ง 7 ทิ้ง ขณะชาวบ้านอึ้งหลัง รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงพื้นที่เยียวยากรณีแม่ลูก 10 ประสบเหตุรถซาเล้งคว่ำไม่ตรงจุด คนรอบข้างยันยายเป็นผู้เลี้ยงดูหลานส่วนใหญ่มาตั้งแต่เกิด
วันนี้ (22 ม.ค.) นางทองหอม บัวหอม อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ม.11 ต.หนองแก้ว อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี มารดาของ นางวาสนา บัวหอม วัย 38 ปี แม่ลูก 10 จากสามี 4 คน ผู้ประสบเหตุรถจักรยานยนต์พ่วงข้างตกข้างถนนพลิกคว่ำเสียชีวิต พร้อมสามีคนที่ 5 โดยมีบุตรชายคนสุดท้อง วัย 2 ขวบ นั่งเฝ้าศพข้ามคืน เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 11 ม.ค. ก่อนที่จะมีผู้มาพบว่า นอนกอดกันเสียชีวิตในช่วงรุ่งเช้าของวันที่ 12 ม.ค. ที่ผ่านมา
เหตุเกิดที่บริเวณริมถนนสุวินทวงศ์ ทางหลวงหมายเลข 319 หลัก กม.ที่ 45 เส้นทางพนมสารคาม-ปราจีนบุรี ด้านฝั่งขาเข้าบ้านหนองน้ำพุ พื้นที่ ม.9 ต.บ้านซ่อง อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และมีการนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องผ่านทางสื่อในช่องทางต่างๆ ที่ผ่านมานั้น
ซึ่งในวันนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ลงพื้นที่เดินทางมาให้การช่วยเหลือเยียวยาต่อทางญาติของผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะบรรดาบุตรชายหญิงของ นางวาสนา ที่ยังตกอยู่ในความลำบากเป็นจำนวนมากถึง 7 คน จากทั้งหมด 10 คน หลังจากสูญเสียผู้เป็นมารดา
โดยในการเดินทางมามอบสิ่งของ และให้การช่วยเหลือนั้น ทาง พล.ต.อ.อดุลย์ ได้เดินทางไปให้การช่วยเหลือแต่เพียงยังที่บ้านของ นางเลียบ จันทร์แจ่ม มารดาของนายอดุลย์ จันทร์แจ่ม ที่บ้านเลขที่ 54 ม.11 ต.หนองแก้ว อดีตสามีคนที่ 4 ของนางวาสนา ซึ่งมีบุตรด้วยกัน จำนวน 7 คนเท่านั้น โดยที่ไม่ได้ไปให้การเยียวยาช่วยเหลือต่อ นางทองหอม ผู้เป็นมารดาของนางวาสนา ผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด ทั้งที่ทางฝ่ายผู้เป็นยายนั้นเป็นผู้ให้การอุปการะเลี้ยงดูหลานๆ ส่วนใหญ่มาตั้งแต่เล็กมากถึง 4 คน จาก 7 คนอย่างแท้จริง
โดย นายแมน ปานสิงห์ อายุ 43 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.11 ต.หนองแก้ว กล่าวยืนยันพร้อมได้ให้ นางทองหอม นำทะเบียนบ้านมาแสดงต่อผู้สื่อข่าวเป็นหลักฐานยืนยันให้เห็นชัดเจนว่า มีบุตรของนางวาสนา ได้อยู่อาศัยอยู่กับนางทองหอมจริง พร้อมยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่า หลังจาก นางวาสนา ได้เสียชีวิตลง นางทองหอม นั้นได้มัวแต่ยุ่งอยู่กับงานศพของบุตรสาวอยู่ที่วัดโคกเขื่อน จึงไม่ได้อยู่ที่บ้าน จึงได้ให้เด็กๆ ทั้ง 7 คนนั้น ไปอยู่กับทางฝ่ายผู้เป็นย่า
ขณะเดียวกัน หลังเกิดเหตุได้มีการนำเสนอข่าวผ่านทางสื่อมวลชน จนทำให้มีผู้มีจิตเมตตาสงสาร ต่างพากันเข้ามาให้การช่วยเหลือยังที่บ้านของ นางเลียบ แทน จึงทำให้การช่วยเหลือทั้งหมดนั้นมาไม่ถึงยังบ้านของ นางทองหอม ซึ่งมีบ้านอยู่ไกลกว่าบ้านของนางเลียบ และเมื่อเด็กๆ เหล่านั้น เห็นว่าเมื่อมีคนเข้ามาช่วยเหลือยังที่บ้านของนางเลียบ มาก และมักจะมาขอถ่ายภาพของเด็กๆ ทั้ง 7 คนพร้อมกันในทุกๆ ครั้ง จึงไม่มีใครยอมหวนกลับคืนไปหา นางทองหอม อีกเลย
สุดท้ายจึงทำให้นางทองหอม นั้นต้องอยู่แต่เพียงลำพังคนเดียว โดยมีเพียงบุตรชายผู้มีสติไม่ดีอยู่เป็นเพื่อนอีกคนเท่านั้น แต่เชื่อว่าหลังจากหมดกระแสไปจากสังคมแล้วนั้น เด็กๆ เหล่านี้ก็น่าจะหนีไม่พ้นไปจากอ้อมอกของผู้เป็นยาย และยังต้องกลับมายังบ้านของยายทองหอม อีกแน่นอน แต่นางทองหอม ก็คงลำบาก เพราะมีอาชีพรับจ้าง และมีรายได้ที่ไม่แน่นอน อีกทั้งยังป่วยเป็นโรคปวดกระดูกที่ขาข้างขวาจนเดินได้ไม่ถนัด
ขณะเดียวกัน หลังจากบุตรสาวเสียชีวิตไปแล้วนั้น ได้ไปกู้ยืมเงินมาจัดงานบำเพ็ญกุศล สวดพระอภิธรรมศพบุตรสาว จำนวน 3 คืน ก่อนที่จะทำการเผาไปแล้วนั้น จึงทำให้ยังมีหนี้สินเพิ่มขึ้นมาอีกจำนวนมากถึง 6 หมื่นบาท จากการจัดงานศพที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน จึงอยากวิงวอนผู้ใจบุญได้หันมาให้การช่วยเหลือต่อทางทองหอม บ้าง โดยสามารถให้การช่วยเหลือต่อนางทองหอมได้ผ่านทางบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาประจันตคาม หมายเลขบัญชี 4057742233 นายแมน กล่าว
ด้าน นางทองหอม กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุก็ไม่ได้อยู่บ้าน อยู่แต่ที่วัดจัดงานศพ จึงได้ปล่อยให้เด็กๆ ไปอยู่กับทางญาติฝ่ายพ่อเขา จึงไม่มีใครเข้ามาให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด มีเพียงทาง อ.ประจันตคาม เท่านั้นที่มามอบเงินช่วยจัดงานศพ 2,000 บาท และก็มีมูลนิธิการกุศล มามอบข้าวสารอาหารแห้งให้ 1 ครั้งเท่านั้น แต่ยังมีหนี้สินจากการจัดงานศพอีกมากถึง 6 หมื่นบาท
สำหรับหลานๆ นั้นตนเองนั้นเป็นผู้เลี้ยงมากับมือตั้งแต่เกิดทั้งหมด แต่พอโตขึ้นเรียนถึง ป.5 แล้ว เขาก็มารับไป และก็ปล่อยให้เลี้ยงหลานเล็กๆ คนต่อๆ มาเรื่อยๆ โดยหลานคนโตนั้นได้ไปอยู่กับ นายสุวิทย์ (ไม่ทราบนามสกุล) สามีคนแรกของนางวาสนา ซึ่งมีบุตรด้วยกัน 1 คน ที่ อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ส่วนหลานคนที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรที่เกิดจากนางวาสนา บุตรสาวกับ นายศิริชัย (ไม่ทราบนามสกุล) ไปอยู่ที่ จ.อุดรธานี และหลานคนที่ 3 เกิดจากบุตรสาวกับนายเอก (ไม่ทราบชื่อจริง) ไปอยู่ จ.สระแก้ว
ส่วนหลานอีก 7 คน ที่เกิดกับนายอดุลย์ จันทร์แจ่มนั้น คนโตๆ เขาก็มารับเอาไปหมด หลังจากเราเลี้ยงมาจนถึง ป.5 แล้ว แต่ก็ยังเป็นแบบไปๆ มาๆ ส่วนคนเล็กๆ นั้นก็ยังอยู่กับเรา แต่หลังจากเกิดเหตุ และมีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมเยือน และให้การช่วยเหลือบ่อยครั้ง หลานๆ จึงไม่มีใครยอมกลับมายังที่บ้านอีกเลย นางทองหอม กล่าว