xs
xsm
sm
md
lg

หามส่งโรงหมอกลางดึก ด.ญ.4 ขวบกลืนลูกแก้วหายใจติดขัดอาเจียนเป็นเลือด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มหาสารคาม - หามส่งโรงหมอกลางดึก เด็กหญิงวัย 4 ขวบกลืนลูกแก้วหายใจติดขัด อาเจียนเป็นเลือด แต่หมอเอกซเรย์ทั้งลำคอ ช่องท้องไม่พบวัตถุแปลกปลอม คาดกลืนบางอย่างลงไปแต่ไม่อันตราย ย้ำผู้ปกครองดูแลบุตรหลานใกล้ชิด

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 21.00 น. คืนวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา หน่วยกู้ภัยท่าสองคอน อ.เมือง จ.มหาสารคาม ได้รับแจ้งจากนายสำรวย บุญหล้า อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 18 บ้านท่าสองคอน ต.ท่าสองคอน อ.เมือง จ.มหาสารคาม ว่า ด.ญ.แก้วกัลยา จาริวรรณ อายุ 4 ขวบ ซึ่งเป็นหลานสาวได้กลืนลูกแก้วลงไปในคอ มีอาการหายใจติดขัดพร้อมกับอาเจียนออกมาเป็นเลือด

จากนั้นได้นำตัวหลานสาวขึ้นรถกู้ภัยมาส่งที่โรงพยาบาลมหาสารคาม โดยแพทย์ได้นำตัว ด.ญ.แก้วกัลยา หรือน้องแก้ว ไปเอกซเรย์ทั้งลำคอ และช่องท้อง เพื่อดูว่าลูกแก้วดังกล่าวไปอยู่ส่วนไหนของร่างกาย แต่จากการเอกซเรย์ไม่พบมีวัตถุแปลกปลอมอยู่ในร่างกาย แต่น้องแก้วยืนยันว่าได้กลืนลูกแก้วเข้าไปจริงๆ และได้อาเจียนออกมาเป็นเลือด

แพทย์ระบุว่า ไม่น่าจะเป็นอันตรายเพราะดูจากลักษณะของเด็กยังคงพูดคุยได้ตามปกติ แต่มีอาการเจ็บที่ลำคอ อาจเป็นเพราะว่าถูกวัตถุแปลกปลอมสร้างความระคายเคืองให้กับลำคอ หากตอนเช้าวันนี้ (21 ม.ค.) เด็กถ่ายอุจจาระออกมาก็น่าจะเป็นปกติ จึงได้กำชับให้คุณตาสำรวยเอากระโถนมาให้เพื่อดูว่ามีวัตถุแปลกปลอมออกมาหรือไม่

นายสำรวย บุญหล้า ตาของน้องแก้ว เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนกำลังนั่งดูโทรทัศน์กับหลานสาวอยู่ 2 คน จากนั้นหลานกำลังจะขึ้นนอน ส่วนตนได้เดินไปเข้าห้องน้ำ ขณะเสร็จภารกิจเห็นหลานสาววิ่งมาที่ตู้เย็นพร้อมกับดื่มน้ำอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะบอกกับตนว่าได้กลืนลูกแก้วเข้าไป มีอาการเจ็บคอ หายใจไม่ถนัด และอาเจียนปนเลือด จึงได้แจ้งรถกู้ภัยท่าสองคอนให้รีบนำส่งโรงพยาบาล

จึงอยากฝากเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองว่าให้ดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิดอย่าให้ห่างตา เพราะตนแค่เดินไปเข้าห้องน้ำออกมายังพบว่าหลานกลืนลูกแก้วเข้าไปแล้ว

นายแพทย์ สุนทร ยนต์ตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม กล่าวว่า การที่เด็กกลืนสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย อย่างเช่น ลูกแก้ว หรือเหรียญ หากกลืนลงท้องได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะสามารถถ่ายอุจจาระออกมาได้ แต่หากลูกแก้ว หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ เข้าไปติดในหลอดลมก็อาจส่งผลให้เด็กเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

จึงอยากฝากเตือนผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิดไม่ให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

กำลังโหลดความคิดเห็น