นครปฐม - เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกแก๊สแอลพีจีเฉี่ยวชนกับรถพ่วง 18 ล้อ ก่อนเสียหลักพุ่งชนท้ายกับรถพ่วงอีกคันที่จอดข้างทางจนเกิดเพลิงลุกไหม้ท่วมรถ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถูกย่างสด 1 รายเป็นหญิง และไฟคลอกสาหัสอีก 1 ราย เจ้าหน้าที่ต้องปิดถนนมาลัยแมนกว่า 3 ชั่วโมง หวั่นเกิดระเบิดใหญ่ ล่าสุด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตในซากรถเพียงรายเดียว ส่วนเด็กชายที่มีการระบุว่าเสียชีวิตด้วยนั้นไม่ได้เดินทางมาด้วย
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (19 ม.ค.) ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองนครปฐม ได้รับแจ้งเหตุมีอุบัติรถบรรทุกพ่วงชนกันหลายคันที่บริเวณถนนมาลัยแมน หมู่ 8 ต.วังตะกู อ.เมืองนครปฐม ฝั่งขาเข้า อ.กำแพงแสน เยื้องกับสำนักงานขนส่งจังหวัดนครปฐม โดยมีรถบรรทุก 18 ล้อ บรรทุกแก๊สแอลพีจี ได้มีการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงต่อเนื่องหลายครั้ง และมีการรั่วไหลของแก๊สอย่างรุนแรง จึงได้เร่งประสานให้หน่วยบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครนครปฐม เทศบาลใกล้เคียง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ไปที่เกิดเหตุ
เมื่อไปถึงตรงข้ามสำนักงานขนส่งจังหวัดนครปฐม เป็นถนนเส้นทางมุ่งหน้าไปยัง จ.สุพรรณบุรี หลักกิโลเมตรที่ 6-300 ได้มีเปลวเพลิงลุกไหม้ที่บรรทุกสิบล้อเป็นรถบรรทุกแก๊ส หมายเลขทะเบียน 71-1942 นครปฐม มีตราสัญลักษณ์ดอกไม้สีส้มตราปิกนิก พุ่งขึ้นฟ้าอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้เร่งฉีดน้ำสกัด พร้อมกันประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากบริเวณดังกล่าว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่ถูกไฟคลอกอาการสาหัสเป็นคนขับรถบรรทุกแก๊สได้ 1 ราย ซึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์นครปฐมไปก่อนหน้านี้ ส่วนอีก 2 ราย ขณะเจ้าหน้าที่ทำกำลังทำการช่วยเหลือเพลิงได้เกิดไหม้อย่างรุนแรง และเกิดระเบิดขึ้น จึงต้องล่าถอยออกมา ก่อนไฟจะย่างสด 2 แม่ลูกคารถท่ามกลางความตกใจของเจ้าหน้าที่ และเพลิงที่กำลังลุกไหม้อย่างรวดเร็ว และเกิดระเบิดขึ้นหลายครั้ง
เจ้าหน้าที่ต้องวางแผนในการเข้าช่วยเหลือ และระงับเพลิงในการนำรถน้ำจากเทศบาลนครนครปฐมฉีดเลี้ยงไว้ที่ถังบรรทุกแก๊สตลอดเวลา เพราะจะเกิดระเบิดได้อีก และมีการระเบิดไปแล้ว 3 ครั้งต่อเนื่อง กระทั่งเมื่อเพลิงสงบจึงพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง และเด็กชาย 2 รายในสภาพถูกย่างเกรียมติดอยู่ที่บริเวณเบาะคนนั่ง ทราบต่อมาเป็นภรรยา และลูกชาย อายุเพียง 5 ขวบ ของคนขับรถบรรทุกแก๊ส
ขณะเดียวกัน ยังพบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ หมายทะเบียน 87-8979 นครปฐม ตัวพ่วง ทะเบียน 88-1092 นครปฐม จอดอยู่ริมถนนสภาพถูกรถบรรทุกแก๊สชนจากด้านท้าย ลูกพ่วงเสียหาย และที่หลังรถบรรทุกแก๊สพบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ทะเบียน 88-7510 นครปฐม ลูกพ่วงทะเบียน 88-7511 นครปฐม จอดอยู่โดยสภาพถูกชนท้าย และเบียดด้านซ้ายของรถบรรทุกแก๊ส สภาพด้านหน้าเสียหายอย่างหนัก
หลังเกิดเหตุคนขับรถทั้ง 2 คัน ได้หายตัวไปจากที่เกิดเหตุ ซึ่งระหว่างที่มีการพยายามควบคุมเพลิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ได้ทำการปิดกั้นจราจรบนถนนมาลัยแมนทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยนานกว่า 3 ชั่วโมง และต้องจัดให้มีการระบายรถให้สัญจรไปบนถนนสายรองเพื่อความปลอดภัย
ต่อมา เวลา 14.30 น. นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม นายชัยภัค สุนทรหงส์ นายอำเภอเมืองนครปฐม ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และอำนวยการสั่งการให้มีการเร่งแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีการอพยพประชาชนที่อาศัยในอาคารพาณิชย์ให้ออกมานอกอาคารกว่า 10 คูหา เพราะแก๊สที่อยู่ภายในถังบรรทุกที่พร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลาให้อยู่ในที่ปลอดภัย และกันประชาชนออกห่างจากรัศมีการระเบิดกว่า 500 เมตร เพื่อความปลอดภัย โดยเป็นไปอย่างโกลาหล และเร่งด่วน
ขณะที่ในการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า รถบรรทุกก๊าซแอลพีจีได้ขับมาด้วยความเร็วมุ่งหน้าเข้า อ.กำแพงแสน และได้เกิดเฉี่ยวชนกับรถพ่วง 18 ล้อที่ขับคู่กันมา ก่อนที่รถทั้ง 2 คันจะเสียหลักพุ่งชนเข้ากับท้ายรถพ่วงอีกคันที่จอดอยู่ข้างทางอย่างแรง จนเกิดเพลิงลุกไหม้ และเกิดระเบิดขึ้นส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตดังกล่าว แต่จะมีการสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ว่าแท้จริงเกิดเหตุขึ้นอย่างไร และสอบถามชื่อผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บต่อไป
**พบศพแม่เสียชีวิตคนเดียว ลูกไม่ได้มาด้วย
ต่อมา เมื่อเวลา 18.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่มีการเปิดการจราจรทั้ง 2 ฝั่งถนนทำให้รถติดเป็นจำนวนมากทั่วตัวเมืองนครปฐม โดยในขณะนี้สามารถแยกรถออกจากกันได้แล้ว และสำรวจพบศพหญิงเพียง 1 คน เหลือเพียงซากศพเล็กน้อย
จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีเด็กชายวัย 5 ขวบ ที่ก่อนหน้านี้มีการระบุว่า ได้เสียชีวิตอยู่ในกองเพลิงด้วยแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปทางญาติพบว่า เด็กชายที่มีการระบุว่าเสียชีวิตด้วยนั้นได้ไปโรงเรียน ไม่ได้่โดยสารมากับมารดาที่เสียชีวิต
สรุปเบื้องต้นจึงมีผู้เสียชีวิตเพียงแค่ 1 ราย ส่วนบิดาถูกไฟคลอกอาการสาหัส ทางแพทย์โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม กำลังเร่งช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน
ล่าสุด เมื่อเวลา 18.15 น. เจ้าหน้าที่ได้มีการเปิดการจราจรแล้ว ทั้งนี้ รวมระยะเวลาในการปิดการจราาจรกว่า 4 ชั่วโมง ทำให้มียานพาหนะสะสมในตัวเมือง และถนนสายรองหนาแน่นเคลื่อนตัวไปได้ช้ามาก
คลิปจากยูทิวบ์ suwit mingmol