ราชบุรี - “เชาวรินทร์ ลัทธศักย์ศิริ” อดีต ส.ส.เพื่อไทย เครียดหนักจนเกิดอาการวูบถูกหามส่งโรงพยาบาลในเมืองราชบุรี หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงเงิน 11 ล้านบาท ขณะที่เจ้าตัวยันสู้คดีถึงที่สุด
เมื่อเวลา 07.00 น. วันนี้ (14 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ลัทธศักย์ศิริ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดราชบุรี พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนี้ ยังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงเงิน 11 ล้านบาท ที่บริษัทในประเทศกัมพูชาจ่ายเป็นค่าปูนซีเมนต์ให้แก่บริษัทปูนซีเมนต์ ทีพีไอ และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ เกิดอาการวูบจนถูกหามส่งโรงพยาบาลเมืองราช ในเขตเทศบาลเมืองราชบุรี
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลเมืองราช พบ ร.ต.ท.เชาวรินทร์ เข้าพักตัวอยู่ที่ห้อง 810 โดยยังมีสีหน้าอิดโรยจากการอดนอนเพราะเกิดอาการเครียดอย่างหนักอยู่บนเตียง โดยมีคณะแพทย์ และพยาบาลกำลังตรวจเช็กร่างกายอยู่
ทั้งนี้ ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 12 ม.ค.58 ตนกับภรรยาจะเดินทางไปส่งลูกสาวคือ น.ส.คันธรัตน์ ลัทธศักย์ศิริ ไปเรียนต่อในระดับปริญญาโท ที่ประเทศอังกฤษ แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจนไม่สามารถเดินทางไปส่งลูกสาวได้ ก็เกิดอาการเครียด และภายหลังประกันตัวออกมาด้วยเงินสด 1 ล้านบาท เพื่อมาสู้คดีก็นอนไม่หลับจึงเกิดอาการวูบ คนใกล้ชิดก็เลยช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล
ประกอบกับตนเองนั้นทำบอลลูนเส้นเลือดมาถึง 4 เส้น เลยส่งผลให้เกิดอาการหน้ามืด ส่วนเรื่องของคดีก็สู้กันไป มีการตั้งข้อหาว่าไปแฮกข้อมูล ทั้งที่ตนเองนั้นใช้โทรศัพท์รุ่นธรรมดามาก ในชีวิตยังไม่เคยเปิดคอมพิวเตอร์เลย จะไปแฮกข้อมูลได้อย่างไร
ส่วนเงินที่บอกว่าฉ้อโกงนั้นคนบริจาคมาทั่วโลกเพื่อมาสมทบทุนสร้างเจ้าแม่กวนอิมสูง 84 เมตร บนยอดเขาแก่นจันทน์ใน จ.ราชบุรี ใช้งบประมาณ 2,500 ล้านบาท มาเข้าบัญชีสมาคมวัฒนธรรมวิถีพุทธไทย-จีน ซึ่งมีตนเองนั้นเป็นนายกสมาคม แต่เงินก้อนนี้ก้อนโตหน่อย ถือว่าใครโอนมาก็มีเจตนามาร่วมบริจาค
พวกมดส้มเห็นเป็นขนม จู่ๆ ก็จะมาขอคืนอ้างโอนผิด ซึ่งการโอนเงินจะต้องโอนตามบัญชี เลขบัญชี แล้วจะผิดได้อย่างไร และถ้าโอนผิดก็ต้องรีบไปแจ้งความที่กัมพูชา ซึ่งเป็นต้นทางในการโอนเงิน แล้วก็แปลเป็นภาษาไทยให้สถานทูตไทยรับรองแล้วส่งมา ซึ่งตนก็จะนำเอาเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อจะคืนเงินให้ ซึ่งก็ทำไม่ได้ติดต่อกันมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2557
“แต่จู่ๆ ก็จะมาให้คืนเงินเราทำไม่ได้ เพราะต่อไปถ้ามีคนโอนเงินมาเป็นพันล้านไม่ต้องคืนหมดเหรอ ซึ่งก่อนจะเดินทางไปอังกฤษก็ได้แจ้งให้ทราบแล้วว่า เราจะเดินทางไปอังกฤษ ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็ได้รับหมายเรียกแล้ว แต่เนื่องจากเราไม่ว่างก็ติดต่อไปว่าไปไม่ได้ ครั้งที่สองก็ให้ตัวแทนไป แต่พอจะเดินทางไปส่งลูกสาวที่อังกฤษก็มาจับกุม ถือว่าจงใจให้เกิดความเสียหาย ซึ่งต้องปล่อยให้ลูกสาวกับภรรยาเดินทางกันไป 2 คน แต่อย่างไรก็ตาม ผมจะต้องสู้คดีต่อไป”