ระยอง - คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบตั้งเสาไฟฟ้า และสายส่งไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. พาดผ่าน ระยะทาง 13.23 กม.เพื่อซื้อไฟฟ้าจากไออาร์พีซี ด้านกลุ่มเครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อมบ้านแลง ยื่นหนังสือตรวจสอบกรณีเขตประกอบการไออาร์พีซี สร้างโรงงานทับที่สาธารณประโยชน์
วันนี้ (13 ม.ค.) ที่วัดบ้านแลง ต.บ้านแลง อ.เมือง จ.ระยอง นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมคณะอนุกรรมการมารับฟังปัญหาโครงข่ายพลังงานการตั้งเสาไฟฟ้าและสายส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ระยะทาง 13.23 กม. ผาดผ่านพื้นที่ 4 ตำบล เพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) มีชาวบ้าน ต.บ้านแลง ต.ตะพง ต.นาตาขวัญ อ.เมือง และ ต.ชากบก อ.บ้านค่าย รวม 272 ครัวเรือน ที่ได้รับผลกระทบ จึงยื่นหนังสือคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน
ทั้งนี้ นายเจนวิทย์ วัฒนวิสุทธิ์ ชาวบ้านได้ชี้แจงปัญหาความเดือดร้อนว่า การกระทำขอ กฟผ.ไม่มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ไม่เคยรับรู้ข้อมูลในการประกาศเขตตั้งเสาไฟฟ้า และสายส่งไฟฟ้าแรงสูง มารู้เมื่อมีการประกาศกำหนดแนวเขตเรียบร้อยแล้ว และการประกาศแนวเขตสายไฟฟ้าแรงสูง มีความคิดเห็นว่ายังไม่เหมาะสม น่าจะมีแนวทางอื่นที่ดีกว่า ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยกว่า และผลกระทบเรื่องราคาที่ดินกรณีสายไฟฟ้าแรงสูงพาดผ่าน จะทำให้ราคาตกต่ำ บางคนมีที่อยู่อาศัย และทำกินเพียงแปลงเดียว พอถูกเสาไฟฟ้าพาดผ่านทำให้เขาเสียโอกาสจะไปซื้อที่ดินใหม่
ด้าน นายสมบูรณ์ เพชรฉกรรจ์ อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่1/2 หมู่ 3 ต.นาตาขวัญ อ.เมือง ตัวแทนชาวบ้านกล่าวว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ถือว่ามีกฎหมายอยู่ในมือจะทำอย่างไรก็ได้ ไม่มีการทำประชาพิจารณ์ให้ชาวบ้านรับรู้ก่อน แต่กลับมาพูดว่าถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ไปร้องศาล ชาวบ้านทำมาหากินด้วยปกติสุขทำไมเอาเรื่องมาให้ชาวบ้าน ทุกวันนี้ชาวบ้านไม่เคยมีความสุข บางรายมีที่ดิน 2 งาน สายไฟฟ้าผ่านที่ดินหมด เงินชดเชยที่ให้ก็ไม่พอที่จะไปหาซื้อที่ใหม่ได้ เท่ากับตัดอนาคตชาวบ้านพื้นที่ทั้ง 4 ตำบลที่ได้รับผลกระทบเป็นพื้นที่เศรษฐกิจภาคเกษตรครัวเรือนที่มีความเข้มแข็งมาก ไฟฟ้าไม่น่าจะทำกับชาวสวนเลย
นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า วันนี้มารับฟังความเห็นจากพี่น้องประชาชน ได้ข้อสรุปว่า ชาวบ้านไม่เห็นด้วยต่อแนวทางการประกาศกำหนดเขตที่จะมีการปักปันเขตวางระบบโครงข่ายตั้งเสาไฟฟ้าและสายส่งไฟฟ้า เป็นการประกาศที่ไม่ได้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน 4 ตำบล ไม่ทราบรายละเอียดเรื่องผลกระทบ และเรื่องความเป็นธรรม ซึ่งส่งผลกระทบต่อชาวบ้านมาก ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ
กรณีที่มีการส่งเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าออกไปปักปันแนวเขต พบว่า เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐภายใต้รัฐวิสาหกิจ เข้าไปในพื้นที่โดยไม่แจ้งให้เจ้าของทราบ กรณีนี้ควรจะมีการแจ้งให้ทราบก่อน สร้างความไม่พอใจให้แก่เจ้าของแนวเขต ซึ่งในอดีตมีเจ้าของแนวเขตบางรายมีการวางสายไฟฟ้าผ่านก็ได้รับผลกระทบมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อได้รับผลกระทบอีกเป็นครั้งที่ 2 ก็จะได้รับความเสียหายมากขึ้น และอันตรายจากการมีไฟฟ้าแรงสูงในด้านสุขภาพ และราคาที่ดิน จะทำให้ราคาที่ดินตกต่ำลง ทำให้ชาวบ้านมีความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องค่าชดเชยเยียวยา ไม่เพียงพอที่จะไปหาซื้อที่ดินใหม่ และมีบางรายอยู่อาศัยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
“เรื่องนี้จะต้องรับฟังความเห็นจาก กฟผ. คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และทางจังหวัด ว่าข้อมูลของหน่วยงานของรัฐในการปฏิบัติหน้าที่นั้นมีรายละเอียดสอดคล้องต่อชาวบ้านอย่างไร ซึ่งเป็นกระบวนการในการตรวจสอบของกรรมการสิทธิมนุษยชนต่อไป”
ขณะเดียวกัน นายอุดม ศิริภักดี เครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อมบ้านแลง ได้ยื่นหนังสือให้ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการก่อสร้างโรงงานเขตประกอบการไออาร์พีซี โดยระบุว่าพื้นที่เขตประกอบการไออาร์พีซี ทับที่สาธารณประโยชน์ของหมู่ 1 และหมู่ 2 ต.บ้านแลง อ.เมือง