พิษณุโลก - เถ้าแก่ร้านก๋วยเตี๋ยวพาครอบครัว-ลูกน้องฉลองปีใหม่ เห็นสามีกอดกิ๊กเก่าหน้าห้องน้ำจนมีปากเสียงถึงขั้นลงไม้ลงมือกันขึ้น ก่อนตัวสามีหนีกลับร้านมานั่งดวดเหล้ากับน้องเมียต่อ ขณะที่ฝ่ายภรรยาขอเพื่อนทหารขับรถมาส่ง ทำสามีหึงบ้าง ก่อนชักปืนยิงเมีย-น้องเมีย และจ่อขมับตัวเองดับสยอง 3 ศพคาร้าน
เมื่อเวลาประมาณ 03.30 น. วันนี้ (1 ม.ค.) ร.ต.ท.อำนาจ อ่อนปาน ร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายภายในร้านตี๋เล็กก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาว เลขที่ 83/157 ถ.พระร่วง ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก มีผู้เสียชีวิต จำนวน 3 ราย
จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พ.ต.อ.สารนัย คงเมือง รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พ.ต.อ.ดำรงค์ หมื่นอาจยิ้ม ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมเจ้าหน้าที่ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน
ที่เกิดเหตุภายในร้านมีโต๊ะเก้าอี้ พร้อมกับแกล้มวางอยู่ และมีขวดเบียร์ที่ถูกเปิดดื่มกินไปแล้วแตกกระจายเกลื่อนพื้น พบศพผู้เสียชีวิต จำนวน 3 ราย เป็นชาย 2 ราย หญิง 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายศิริชัย แซ่ลิ้ว อายุ 39 ปี สภาพศพมีบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ขมับขวา 1 นัด นางมิ่งกมล แซ่ลิ้ว อายุ 42 ปี สภาพศพมีบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่แก้มขวา 1 แห่ง แก้มซ้าย 1 แห่ง ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน และนายศักดิ์ชัย แซ่ลิ้ว อายุ 38 ปี น้องชายของนางมิ่งกมล สภาพศพมีบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ขมับซ้าย 1 แห่ง แก้มขวา 1 แห่ง ทั้งหมดถูกยิงด้วยคมกระสุนปืนขนาด .38 นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือด
นอกจากนี้ ยังพบอาวุธปืนพกสั้นแบบลูกโม่ ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด .38 ตกอยู่ที่พื้น จำนวน 1 กระบอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ ยังพบกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 13 นัด ในกระเป๋า นายศิริชัย 1 ใน 3 ผู้เสียชีวิตด้วย
สอบสวน น.ส.ใกล้รุ่ง แสนโดด อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 ม.4 ต.โพธิ์ทอง อ.ปางศิลาทอง จ.กําแพงเพชร ผู้อยู่ในเหตุการณ์ให้การว่า นางมิ่งกมล แซ่ลิ้ว ผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าของร้านตี๋เล็กก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาว ก่อนเกิดเหตุได้ปิดร้านพานายศิริชัย (สามี) และญาติๆ พร้อมกับลูกน้องภายในร้านไปเที่ยวดื่มกินฉลองปีใหม่ที่ร้านไม้หมอน สถานบันเทิงแนวเพลงเพื่อชีวิต
ขณะที่เที่ยวดื่มกินอยู่ภายในสถานบันเทิงนั้น นางมิ่งกมล เห็นว่า นายศิริชัย (สามี) แอบไปกอดกับกิ๊กเก่าที่หน้าห้องน้ำจึงเกิดความหึงหวงจนถึงขึ้นมีปากเสียงทะเลาะกัน ก่อนลุกออกมาตกลงปัญหาคาใจกันหน้าสถานบันเทิง ทำให้นายศิริชัย ถึงขั้นลงไม้ลงมือตบหน้านางมิ่งกมล (ภรรยา) ไป 1 ครั้ง แล้วเดินทางกลับมาที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเพื่อนั่งดื่มกินต่อเพียงลำพัง โดยมีนายศักดิ์ชัย (น้องเมีย) มานั่งดื่มเป็นเพื่อนจนเมา
ต่อมา นางมิ่งกมล ภรรยาของนายศิริชัย เดินกลับมายังที่ร้านพร้อมกับ พ.อ.อ.คมสันต์ ศรีปา อายุ 40 ปี ทหารอากาศสังกัดกองบิน 46 เพื่อนที่โทรศัพท์ให้ไปรับกลับมาที่ร้านด้วย เมื่อนายศิริชัย เห็นเข้าจึงเกิดความหึงหวงบ้าง และพูดต่อว่าเพื่อนจ่าทหารอากาศด้วยว่า “ขับรถตนเองดีไหม ทำไมไม่ขับตลอดไป”
หลังจากนั้น พ.อ.อ.คมสันต์ เห็นท่าไม่ดีจึงตอบไปว่า “ตนไม่รู้เรื่องอะไร ขอไปเข้าเวรก่อน” ระหว่างนั้น นายศิริชัย ได้ชักอาวุธปืนพกสั้นแบบลูกโม่ .38 ซึ่งเหน็บอยู่ที่เอวออกมาจะยิงจ่าทหารคนดังกล่าวแต่จ่าทหารคนดังกล่าวออกจากร้านไปก่อน ทำให้นางมิ่งกมล เข้าต่อว่านายศิริชัย ว่าเขามาส่งก็ดีแล้วทำไมไปทำกับเขาอย่างนั้น
จากคำพูดดังกล่าวทำให้ นายศิริชัย เกิดความโมโหเลือดขึ้นหน้า คิดว่าภรรยามีใจให้จ่าทหารอากาศ จึงหันปากกระบอกปืนยิงใส่นางมิ่งกมล จำนวน 2 นัด จนเสียชีวิตคาที่ ขณะที่นายศักดิ์ชัย พยายามเข้ามาห้ามปราม แต่ก็ถูกนายศิริชัย ยิงใส่จนเสียชีวิตอีกราย หลังจากนายศิริชัย ได้สติอยู่ชั่วครู่หนึ่งได้ใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวยิงเข้าที่ขมับตนเองจนเสียชีวิตอีกศพ
ทั้งนี้ คนที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า ปกติแล้ว นายศิริชัย จะเป็นคนขี้หึงหวงภรรยาเป็นอย่างมาก ประกอบกับขณะเกิดเหตุได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เข้าไปในปริมาณที่มากจนขาดสติ และลงมือก่อเหตุสลดขึ้นในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงของคดีสะเทือนขวัญในครั้งนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง และจะส่งศพไปชันสูตรพลิกศพที่นิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราช ก่อนจะมอบศพให้ญาติรับกลับไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป
ขณะที่บุตรชาย และบุตรสาวของนางศิริชัย และนางมิ่งกมล หลังจากทราบข่าวได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุถึงกับร่ำไห้จะโผเข้ากอดศพพ่อและแม่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันตัวไว้เพื่อเก็บหลักฐาน