ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - พบปลาไหลประหลาดที่เชียงใหม่ ลำตัวมี 3 สี เหมือนปลาคาร์ป “ครูแอ๊ด” ศิลปินดนตรีพื้นเมืองล้านนาชื่อดัง นำมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน เผยมีพฤติกรรมแปลกแสดงปฏิกิริยาตอบสนองทุกครั้งที่ได้ยินเสียงดนตรีพื้นเมือง ขณะที่คอหวยไม่พลาดแวะเวียนขอชมแล้วตีเลขเด็ดตามระเบียบ
ผู้สื่อข่าวที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่บ้านต้นโชค ตำบลหนองตอง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้จับปลาไหลประหลาดได้ตัวหนึ่งแล้วนำไปเลี้ยงไว้ โดยที่ปลาไหลตัวนี้มีความพิเศษตรงที่ลำตัวมี 3 สี แตกต่างจากปลาไหลทั่วไปที่จะมีสีดำทั้งตัว จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 100 ซอยต้นโชค 5 ตำบลหนองตอง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าเป็นบ้านของนายภานุทัต อภิชนาธง หรือ “ครูแอ๊ด” อายุ 40 ปี ศิลปินดนตรีพื้นเมืองล้านนาชื่อดัง และรับว่าเป็นผู้ที่เลี้ยงปลาไหลสามสีไว้จริง
โดย “ครูแอ๊ด” บอกว่า นำปลาไหลตัวนี้มาเลี้ยงไว้ที่บ้านได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว หลังจากที่พ่อของลูกศิษย์ที่มาเรียนดนตรีพื้นเมืองล้านนาจับได้ระหว่างการไปดักปลา จึงได้ขอ และนำมาใส่ตู้ปลาเลี้ยงไว้ที่บ้านซึ่งจัดตั้งให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ดนตรีพื้นเมืองล้านนาด้วย
ทั้งนี้ ปลาไหลตัวนี้มีความพิเศษกว่าปลาไหลปกติทั่วไปตรงที่ลำตัวมี 3 สี ได้แก่ สีดำ สีขาว และสีส้ม คล้ายสีของปลาคาร์ป แตกต่างจากปลาไหลทั่วไปที่เป็นสีดำทั้งตัว หรือปลาไหลเผือกที่เป็นสีขาวทั้งตัว จึงเชื่อว่าปลาไหลตัวนี้น่าจะนำความโชคดี และความเป็นสิริมงคลมาให้
ขณะเดียวกัน “ครูแอ๊ด” บอกว่า ปลาไหลตัวนี้ที่มีความยาวตั้งแต่หัวถึงหางประมาณ 50 เซนติเมตร ยังมีพฤติกรรมที่น่าสนใจ และแปลกประหลาดอยู่อีกอย่างหนึ่งก็คือ มักจะมีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการมุดขึ้นลงจากโคลน หรือขยับไปมาทุกครั้งที่ได้ยินเสียงดนตรีพื้นเมืองล้านนา ที่มีการฝึกสอน และฝึกซ้อมกันอยู่เป็นประจำที่บ้านหลังนี้ ซึ่งสร้างความประหลาดในให้แก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ตัวเองตั้งใจว่าจะเลี้ยงปลาไหลตัวนี้เอาไว้จนกว่าจะสิ้นอายุขัย และจะไม่ขายแม้จะมีผู้มาขอซื้อ และให้ราคาสูงก็ตาม
เมื่อถามว่าด้วยความพิเศษของปลาไหลตัวนี้ทำให้มีคนที่ชื่นชอบการเสี่ยงโชคมาขอดูแล้วตีเป็นตัวเลขเพื่อนำไปแทงหวยบ้างหรือไม่ “ครูแอ๊ด” ยอมรับว่า มีคนมาขอดูปลาไหลสามสีตัวนี้อยู่เป็นประจำ โดยล่าสุด คนที่มาดูบอกว่า มองเห็นตัวเลขจากสี และลวดลายบนตัวปลาไหลเป็นเลข 2 เลข 7 และเลข 4 อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความเชื่อของแต่ละคนมากกว่า
