บุรีรัมย์ - อากาศหนาวเย็นลมแรง กระทบชาวนาร่วม 100 รายนำรถบรรทุกข้าวเปลือกมานอนเข้าคิวรอขายที่ตลาดนัดชุมนุมสหกรณ์การเกษตรราคาสูงกว่าท้องตลาด ต้องพากันก่อไฟผิงคลายหนาวตลอดทั้งคืน พร้อมเรียกร้องให้รัฐเปิดตลาดนัดให้ครอบคลุม บรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกรไม่ต้องมาทนนอนหนาวรอเข้าคิวขายข้ามคืน
วันนี้ (18 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรชาวนาทั้งที่จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์กว่า 100 ราย ที่นำข้าวเปลือกใส่รถบรรทุกมานอนรอเข้าคิวขายข้าวที่ตลาดนัดข้าวและพืชไร่ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรบุรีรัมย์ จำกัด ซึ่งเปิดรับซื้อข้าวของเกษตรกรและสมาชิกในราคาที่เป็นธรรมสูงกว่าราคาตลาด เป็นเวลา 3 วัน 17-19 ธ.ค.นี้ ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นและลมกระโชกแรงตลอดทั้งคืน ต้องพากันก่อไฟผิงเพื่อให้เกิดความอบอุ่นแก่ร่างกายและบรรเทาความหนาวเย็นจนข้ามคืน
ทั้งนี้ การที่เกษตรกรต้องมาเข้าแถวรอรับบัตรคิวตั้งแต่ช่วงกลางคืน เนื่องจากไม่ต้องการรอนานเสียเวลาในช่วงกลางวัน เพราะทุกคนต่างมีภารกิจไปประกอบอาชีพ ประกอบกับระยะเวลาเปิดตลาดนัดรับซื้อข้าวมีช่วงเวลาที่จำกัดสั้นๆ เพียง 3 วันเท่านั้น จึงทำให้เกษตรกรกรต้องรอต่อสู้กับสภาพอากาศที่หนาวเย็นเพื่อรอขายข้าวในราคาที่เป็นธรรม กิโลกรัมละ 14.20 บาท ซึ่งสูงกว่าท้องตลาดที่รับซื้อราคาเพียงกิโลกรัมละ 10-12 บาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรยังเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐได้พิจารณาเปิดตลาดนัดรับซื้อข้าวเพิ่มกระจายไปให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด เพื่อบริการอำนวยความสะดวกให้เกษตรกร จะได้ไม่ต้องนำรถบรรทุกข้าวมานอนรอคิวข้ามคืน ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นดังกล่าวด้วย
ทางด้าน นายสระ พลสยม อายุ 53 ปี เกษตรกรบ้านโคกขุนสมาน ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐและเอกชนได้เปิดเพิ่มจุดตลาดนัดข้าวและพืชไร่ให้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ต้องมานอนทนรอเข้าคิวท่ามกลางความหนาวเย็น
พร้อมขอให้รัฐบาลได้หามาตรการพยุงราคาข้าวในปีนี้ให้สูงขึ้นอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 16 บาท เพื่อให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ มีเงินไปใช้หนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และหนี้สินที่เกิดจากการลงทุนทำนา รวมทั้งใช้จ่ายในครอบครัวและซื้อเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มกันหนาวในช่วงฤดูหนาวนี้ด้วย
