น่าน - เหยื่อโร่พึ่งทหาร ตำรวจตามคดีเซลส์ขายรถสาวสุดแสบ หลอกขายรถตัดยอดตรงจากบริษัทแม่ไม่ผ่านดีลเลอร์ได้ราคาถูกกว่าครึ่ง จนตัดสินใจยืมเงินญาติพี่น้องมามอบให้ปิดหนี้เดิมก่อน แถมให้ยืมเงินอีกก้อน สุดท้ายถูกเชิดหมด บอกมีคนโดนตุ๋นเหมือนกัน 7 ราย
วันนี้ (12 ธ.ค.) นางนงคราญ อิทธิ อยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ 7 บ้านวังตาว ต.สะเนียน อ.เมืองน่าน เข้าพบ พ.อ.ชัชวาลย์ กุลกุศล รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดน่าน และ พ.ต.ท.ยรรยงค์ สุริยะมณี รอง ผกก.ฝ่ายปราบปราม สภ.เมืองน่าน เพื่อติดตามคดีฉ้อโกงเงิน หลังถูกนางสาววาสนา ศรีเชียงราบ อยู่บ้านเลขที่ 168 หมู่ 6 ต.ผาสิงห์ อ.เมืองน่าน พนักงานขายรถยนต์ของบริษัทซูซูกิ น่าน ออโต้เซลส์ จำกัด หลอกเงินไปจำนวนกว่า 470,000 บาท
นางนงคราญเล่าว่า ซื้อรถยนต์กระบะรุ่นแครี่ ในราคา 5 แสนกว่าบาทมาจากบริษัทซูซูกิ น่าน ออโต้เซลส์ จำกัด โดยใช้เงินสดดาวน์รถ 6 หมื่นบาท และทำสินเชื่อผ่านบริษัทไฟแนนซ์เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 57 ที่ผ่านมา มีนางสาววาสนา เป็นเซลส์มาดำเนินการให้
หลังจากนั้นนางสาววาสนาได้พยายามติดต่อเป็นการส่วนตัว อ้างว่าสามารถซื้อรถรุ่นนี้ได้จากบริษัทใหญ่ในราคาถูกกว่าครึ่ง แต่ต้องเป็นการจ่ายเงินสดโดยไม่ผ่านสาขาน่าน ทำให้ตัดสินใจกู้ยืมเงินจากญาติพี่น้องและขายทองคำเพื่อนำเงินสดไปให้นางสาววาสนา
โดยหวังว่าจะไม่ต้องเป็นหนี้ผ่อนรถระยะยาว และได้รถในราคาที่ถูกกว่าซื้อผ่านทางตัวแทนจำหน่าย นอกจากนี้ยังถูกนางสาววาสนายืมเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง โดยรวมเงินสดที่ให้ไปจำนวน 470,000 กว่าบาท เพราะเชื่อว่านางสาววาสนาจะนำเงินสดไปจัดการปิดไฟแนนซ์รถให้ตามที่กล่าวอ้าง แต่ในท้ายที่สุดก็ถูกทางบริษัทไฟแนนซ์ทวงค่างวดรถจึงได้ทราบว่าถูกนางสาววาสนาหลอกลวงโกงเงินไป ทำให้ขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากหนี้สินที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีประชาชนที่ถูกนางสาววาสนาหลอกขายรถราคาถูกในลักษณะเดียวกันอีกหลายราย โดยมีผู้แจ้งความร้องทุกข์เป็นคดีจำนวน 7 ราย ในฐานความผิดฉ้อโกงเงิน ทางพนักงานสอบสวนก็ออกหมายเรียกตัวแล้ว แต่นางสาววาสนาไม่เข้ามอบตัว จนต้องมีการออกหมายจับ และสามารถจับกุมนางสาววาสนาได้เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา ขณะนี้ถูกฝากขังที่เรือนจำจังหวัดน่าน โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คัดค้านการขอประกันตัว
ด้านนางสาวรัตนาภรณ์ จันทรี ผู้จัดการฝ่ายขาย บ.ซูซูกิ น่าน ออโต้เซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯ ได้รับทราบพฤติกรรมของนางสาววาสนา หลังมีประชาชนมาขอตรวจสอบข้อมูลการชำระหนี้ และได้ไล่ออกจากการเป็นพนักงานของบริษัทตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 57 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทพบว่ามีประชาชนตกเป็นเหยื่อถูกหลอกโกงเงินอีกหลายราย
พ.ต.ท.ยรรยงค์ สุริยะมณี รอง ผกก.ฝ่ายปราบปราม สภ.เมืองน่าน กล่าวว่า กรณีนี้มีผู้ร้องทุกข์แจ้งความจำนวน 7 ราย และทางผู้ต้องหาได้เจรจาชดใช้จำนวน 1 ราย ซึ่งได้ถอนคดีออกไปแล้ว เหลือเป็นคดีที่อยู่ในกระบวนการศาลแล้ว 6 ราย มูลค่าหนี้รวมแล้วล้านกว่าบาท ซึ่งเป็นคดีที่ยอมความกันได้ หากผู้ต้องหาชดใช้ให้กับผู้เสียหายแต่ละรายก็สามารถถอนคดีความได้ แต่หากไม่เป็นเช่นนั้นก็จะต้องถูกโทษจำคุกคดีละ 3 ปี ซึ่งอาจต้องติดคุกรวม 18 ปี
อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้เร่งติดตามคดีอย่างรัดกุม พร้อมทั้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง เนื่องจากปัจจุบันมีกลุ่มมิจฉาชีพที่จะมาหลอกและโกงเงินหลายรูปแบบ
ขณะที่ พ.อ.ชัชวาลย์ กุลกุศล รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จ.น่าน เตือนประชาชนขอให้ระมัดระวังการทำธุรกรรมทางการเงินและอย่าได้หลงเชื่อเงื่อนไขอะไรง่ายๆ โดยเฉพาะการได้อะไรในราคาถูกกว่าความเป็นจริง ซึ่งมักเป็นช่องทางของกลุ่มมิจฉาชีพในการแสวงหาประโยชน์