พิษณุโลก/อุตรดิตถ์ - ภตช.ตะลุยตรวจสนามฟุตซอลโรงเรียนพิษณุโลกต่อ พบสนามของ 7 โรงเรียนในพรหมพิรามสร้างด้วยงบกว่า 1.1 ล้าน/สนาม สะพัดมีใต้โต๊ะถึง 60% จนถูกลดสเปกเหลือไม่เกิน 3 แสน ขณะที่ผลการตรวจสนามฟุตซอล ร.ร.อีสาน-เหนือ และ อบจ. 12 จังหวัด พบอดีต ส.ส.-คนใน กมธ.งบฯ ปี 55 จัดการให้เบ็ดเสร็จ
นายอธิวัฒน์ บุญชาติ ผู้ประสานงานคณะกรรมการบริหารภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นของชาติ (ภตช.) ภาคอีสาน ได้เริ่มลงพื้นที่ตรวจสอบสนามฟุตซอลกลางแจ้งโรงเรียนในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลกเขต 3 วานนี้ (4 ธ.ค.) หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการใช้งบประมาณในการก่อสร้างที่สูงเกินจริง
โดยเข้าตรวจสอบสนามจำนวน 7 แห่งในเขต อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ประกอบด้วย โรงเรียนทับยายเชียง ต.ทับยายเชียง, โรงเรียนหนองมะคัง ต.ทับยายเชียง, โรงเรียนวัดท้องโพลง ต.ดงประคำ, โรงเรียนราษฎร์ศรัทธาวิทยา ต.วงฆ้อง, โรงเรียนชุมชนวัดย่านขาด (ประชาสงเคราะห์) ต.หนองแขม, โรงเรียนศึกษากุลบุตร ต.พรหมพิราม, โรงเรียนวัดสะพานหิน ต.พรหมพิราม
ซึ่งผลจากการตรวจพบว่าสนามฟุตซอลโรงเรียนหนองมะคัง ต.ทับยายเชียง มีสภาพเป็นรอยปะหลากสีสัน แสดงให้เห็นว่ามีการนำพื้นขอบสนามมาเปลี่ยนจุดที่แผ่นยางผุกร่อน เปื่อยยุ่ย และฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
นอกจากนี้ยังพบว่าสนามฟุตซอลโรงเรียนวัดย่านขาดใช้วัสดุพลาสติกคุณภาพต่ำ พลาสติกเป็นขุย พื้นสนามซีดจาง และเริ่มแตก ส่วนโรงเรียนศึกษากุลบุตร ทางโรงเรียนไม่ได้ใช้งานสนามฟุตซอลเลย
สำหรับสนามฟุตซอลโรงเรียนในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ได้รับการประสานจากนาย น.หนู อดีต ส.ส.ในพื้นที่ เคยเป็นคณะกรรมการงบประมาณ พื้นที่ จ.พิษณุโลก ทางโรงเรียน หรือทางเขตพื้นที่ไม่ได้ร้องขอแต่อย่างใด เป็นสนามที่ก่อสร้างด้วยงบประมาณสูงกว่า 1.1 ล้านบาท/สนาม ต่ำกว่าราคากลางที่ตั้งไว้แค่ 700 บาท
ขณะที่สภาพสนามที่ปรากฏว่าถ้าประเมินราคาตามพลาสติก ประตู ตาข่าย อุปกรณ์ไฟฟาวล์ของแต่ละสนามไม่ควรเกิน 300,000 บาทเท่านั้น
นายอธิวัฒน์กล่าวว่า อดีต ส.ส.คนนี้เอาแผ่นซีดีนำมาเสนอ ซึ่งมีการตกลงกันในโรงเรียน หรือร้านอาหาร โดยทางโรงเรียนไม่ได้ต้องการ บางแห่งต้องการให้นักเรียนได้รับในสิ่งดีๆ แต่กลับได้รับของคุณภาพไม่ดีตามที่ต้องการ ซึ่งจากการที่ตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าทางบริษัทได้รับผลประโยชน์จากสนามฟุตซอลประมาณ 15% ในขณะที่คณะกรรมาธิการงบประมาณชุดดังกล่าว พร้อมข้าราชการในพื้นที่แบ่งผลประโยชน์กันมากกว่า 60% ทำให้ทางบริษัทผู้รับเหมาสร้างสนามฟุตซอลจึงต้องลดสเปก จนสนามฟุตซอลมีคุณภาพต่ำไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่จัดสร้าง
สำหรับบริษัทที่รับเหมาก่อสร้างสนามฟุตซอลดังกล่าวคือ บริษัท ลีกาฟุตซอล จำกัด ที่ชนะการประมูลด้วยราคา 1,110,500 บาท/สนาม ประกอบด้วยพื้นสนามขนาด 17x32 เมตร ราคา 1,058,500 บาท เสาประตูพร้อมตาข่าย 1 ชุดราคา 35,000 บาท ป้ายบอกคะแนน 10,000 บาท และไฟฟาวล์ 7,000 บาท จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าสนามที่สร้างผิดจากสเปกที่กำหนดเล็กน้อยคือมีขนาด 17x30 เมตร และอุปกรณ์ไฟฟาวล์ ได้รับมอบมาไม่ครบตามที่ระบุในสัญญา โดยขาดกล่องควบคุมวงจรและกระดิ่งสัญญาณ
หลังจากได้หลักฐานและทาง ภตช.จะนำหลักฐานทั้งหมดสรุปให้ทาง ป.ป.ท., สตง. ตรวจสอบเพื่อเอาผิดผู้ทุจริตต่อไป
ส่วนผลการตรวจสอบสนามฟุตซอลของโรงเรียนสังกัด สพป.อุตรดิตถ์ เขต 1 จำนวน 40 โรงเรียน 40 สนาม และ 1 ห้องน้ำแบบ 4 ที่นั่งราบ งบประมาณมากกว่า 39 ล้านบาท ที่ ภตช.เข้าตรวจสอบก่อนที่จะลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกนั้น นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารนนท์ กรรมการและเลขาธิการ ภตช.บอกว่า ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ครบทุกโรงเรียน เนื่องจากมีเวลาเพียง 1 วัน
แต่จากเอกสารจัดซื้อจัดจ้างที่ สพป.อุตรดิตถ์ เขต 1 มอบให้, ข้อมูลจาก ผอ.โรงเรียน และครูที่เป็นคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง พบว่ามีรูปแบบเดียวกันทั้งหมดคือ โรงเรียนไม่ได้ทำหนังสือของบประมาณจาก สพป.อุตรดิตถ์ เขต 1 แต่เป็นงบประมาณที่ถูกจัดสรรมาให้เอง ส่วนวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ก็ไม่ทราบข้อมูลว่ามีราคาเท่าใด และทั้ง 40 โรงเรียน 40 สนาม มีบริษัท ออคตากอน มาร์เกตติ้ง เซอร์วิส จำกัด ชนะการประมูลรับเหมาก่อสร้างเพียงบริษัทเดียวเท่านั้น ขณะที่มีบริษัทยื่นเสนอราคามากถึง 4-5 บริษัท ซึ่งจะต้องไปดูว่ากรมพลศึกษารับรองคุณภาพให้บริษัทใดบ้าง มีการเชื่อมโยงในการใช้บุคคล ที่อยู่ หากเกี่ยวข้องกันหมดก็จะเป็นการฮั้วประมูลงานแน่นอน
นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า สำหรับการลงพื้นที่ตรวจสอบสนามฟุตซอลภาคอีสานที่ อุบลราชธานี อุดรธานี มุกดาหาร นครราชสีมา ศรีสะเกษ ภาคเหนือที่ จ.เชียงใหม่ รวมทั้งการตรวจสอบสนามฟุตซอลขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 12 จังหวัด พบว่ามีการตั้งงบมาจากส่วนกลาง มีกรรมาธิการ (กมธ.) งบประมาณปี 55, อดีต ส.ส.อุตรดิตถ์ อดีตรัฐมนตรีช่วย แปรญัตติงบประมาณลงมา
ซึ่งขั้นตอนจากนี้จะดูว่ามี กมธ. มีอดีต ส.ส.คนใดบ้าง ที่ขอแปรญัตติงบประมาณ ใครที่นำโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลเข้ามาปรึกษา กมธ.งบประมาณ และส่งต่อให้สำนักงบประมาณ และประสานไปยังเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) คนเก่า มีขบวนการเตรียมการหรือรู้เห็นกันเพื่อจัดตั้งงบประมาณ เปลี่ยนแปลงงบประมาณมาเพื่อก่อสร้างสนามฟุตซอลกลางแจ้ง จากเดิมจะนำมาเพื่อซ่อมแซมปรับปรุงอาคารเรียน อาคารประกอบ สิ่งก่อสร้าง และเหตุอุทกภัย
และงบที่นำมาก่อสร้างสนามฟุตซอลกลางแจ้งในโรงเรียนสังกัด สพป.อุตรดิตถ์ เขต 1 เราพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงงบอีกครั้ง จากที่เปลี่ยนแปลงครั้งแรก จะต้องนำมาก่อสร้างในราคาสนามละ 5 ล้านบาท, 2.5 ล้านบาท และ 2 ล้านบาท แต่สนามที่ จ.อุตรดิตถ์ มีราคาสนามละ 980,300 บาทเท่านั้น ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงขนาดสนามให้เล็กลง และให้เหลือเพียงแค่ครุภัณฑ์ หรือมีเพียงแผ่นพื้นสนามฟุตซอลกลางแจ้ง พร้อมอุปกรณ์ไม่กี่อย่าง แต่ไม่มีพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กด้วย และการเปลี่ยนแปลงงบประมาณของ จ.อุตรดิตถ์ พบหลักฐานว่าเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ที่อยู่ในตำแหน่งปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าฯ อุตรดิตถ์ เป็นคนเซ็น