เพชรบูรณ์ - กอ.รมน.เพชรบูรณ์นำเจ้าหน้าที่บุกกวาดจับรีสอร์ตทางขึ้น “ภูทับเบิก” พบหลายแห่งกำลังเร่งมือก่อสร้างรีสอร์ต-บ้านพักหรู แถมมีนักปกครองท้องที่คนดังของเพชรบูรณ์รวมอยู่ด้วย หลังพบมีการประกาศขายที่ดินทางขึ้นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนเพชรบูรณ์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กกันเอิกเกริก อ้างมีใบ ภทบ.5
เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดเพชรบูณ์ สนธิกำลังทหาร, ป่าไม้, ตำรวจ และฝ่ายปกครอง กว่า 80 นาย ได้ร่วมกันปฏิบัติการทวงผืนป่าเพชรบูรณ์คืน วานนี้ (4 ธ.ค.) ตามคำสั่ง คสช.ที่ 64/2557 โดยลงพื้นที่ตรวจสอบการบุกรุกป่าภูโปด หมู่ที่ 6 ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า ทางขึ้น “ภูทับเบิก” แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัด หลังมีการร้องเรียนว่า มีนายทุนและเจ้าหน้าที่ปกครองท้องที่ผู้กว้างขวางบางคนบุกรุกป่าพร้อมปลูกสร้างรีสอร์ต-บ้านพักหรูหลายแห่ง
จนเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ชาวบ้านมีการบุกรุกป่าเพิ่มเติมโดยเฉพาะพื้นที่ป่าบนเชิงเขา เนื่องจากที่ดินอยู่ในทำเลแหล่งท่องเที่ยวและมีชื่อเสียงติดอันดับของประเทศ จึงมีราคาสูงและเริ่มเป็นที่หมายปองของเหล่านายทุนทั้งหลาย
คณะเจ้าหน้าที่ได้เริ่มเข้าตรวจสอบรีสอร์ตตามพื้นที่เป้าหมาย บริเวณถนนทางขึ้นภูทับเบิกขึ้นไปจำนวน 12 แห่ง 1 ในจำนวนนี้มีรีสอร์ตของเจ้าหน้าที่ปกครองท่องที่คนดังรวมอยู่ด้วย พบว่าส่วนใหญ่กำลังอยู่ระหว่างเร่งก่อสร้างที่พักขึ้นใหม่ หรือมีการก่อสร้างขยายเพิ่มเติม ส่วนรีสอร์ตของเจ้าหน้าที่ปกครองท้องที่คนดัง พบเพียงแค่สิ่งปลูกสร้างภายในรีสอร์ตหรู ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างบ้านพักเพิ่มเติม และมีการสร้างสระน้ำ ลานชมวิวไว้บริเวณริมหน้าผาซึ่งมีทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยไม่พบผู้กระทำผิดแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่จึงจับกุมทั้งนายทุน ผู้ดูแล ผู้รับเหมา และคนงานก่อสร้างหลายสิบคน พร้อมยึดอุปกรณ์ก่อสร้างไว้เป็นของกลางอีกหลายสิบรายการ ก่อนส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.หล่มเก่า ดำเนินคดีในข้อหากระทำผิดโดยบุกรุกพื้นที่ป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ปี 2484
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการเข้าตรวจสอบได้มีผู้ครอบครองที่ดินบางรายนำเอกสารใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภทบ.5) ที่ออกโดย อบต.บ้านเนิน เมื่อเดือนมิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา มาแสดง พร้อมแจ้งว่าซื้อที่ดินมาอย่างถูกต้อง จนทำให้เจ้าหน้าที่ถึงกับอึ้ง เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางกระทรวงมหาดไทยมีหนังสือแจ้งให้ อปท.ยกเลิกการจัดเก็บภาษีในที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ขณะที่บางรายจี้ให้เจ้าหน้าที่อย่าเลือกปฏิบัติ และต้องตรวจทุกรีสอร์ตเพราะอยู่ในข่ายเดียวกัน
สำหรับพื้นที่ป่าดังกล่าวเดิมเป็นพื้นที่นิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา ตามมติ ครม.วันที่ 18 มกราคม 2509 กินพื้นที่ 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก, เลย, เพชรบูรณ์ รวมเนื้อที่ 470 ตร.กม. ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์อุทกภัยน้ำก้อ-น้ำชุน ปี 2544 มีการสำรวจการถือครองของราษฎรชาวเขาตามความเป็นจริง ทำให้มีพื้นที่เหลือราว 1.3 แสนไร่ กรมประชาสงเคราะห์จึงส่งพื้นที่คืนให้กรมป่าไม้
ต่อมาพื้นที่บางส่วนมีการประกาศเป็นอุทยานเขาค้อ และอีกส่วนให้เป็นพื้นที่โครงการฟื้นฟูสภาพป่าลุ่มน้ำก้อน้ำชุน แต่ปัจจุบันกลับมีการบุกรุกยึดครองและถูกซื้อขายเปลี่ยนมือ จนที่ดินบริเวณนี้เริ่มตกอยู่ในความครอบครองของนายทุน ที่ต่างพากันมาซื้อพร้อมลงทุนทำธุรกิจรีสอร์ตที่พัก ร้านอาหาร และลานกางเต็นท์
นอกจากนี้ ยังพบว่าปัจจุบันมีการประกาศขายที่ดินบริเวณดังกล่าวบนโซเชียลเน็ตเวิร์กกันอย่างเอิกเกริก โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่มีเอกสาร ภทบ.5 และอยู่นอกเขตป่า โดยขายเพียงไร่ละ 30,000 บาท และบางแปลงขายยกแปลงพร้อมบ้านพักราคา 2.4 ล้านบาท ทำให้มีผู้สนใจติดต่อสอบถามกันเป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกันก็มีผู้ตั้งข้อสังเกตและทักท้วงให้ทำการตรวจสอบก่อน เกรงเป็นการหลอกขายที่ดินทำให้สูญเงินก้อนโต แต่ทั้งนี้ก็ยังมีผู้สนใจพร้อมจะเสี่ยงซื้อเก็บไว้เนื่องจากเห็นว่าเป็นทำเลทอง และอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศ
