ตราด - จังหวัดตราด จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเขต ศก.พิเศษ เน้นปัญหาเรื่องฝีมือแรงงาน และทักษะฝีมือที่ยังขาดจำนวนมาก เพื่อรองรับการเจริญเติบโตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้านสภาพัฒน์ ชี้ตราดมีศักยภาพ แต่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน โดยรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่ ล่าสุด ให้งบ 900 ล้าน ทำถนน 4 เลน ถึงหาดเล็ก ย้ำอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นจุดขาย
วันนี้ (25 พ.ย.) ที่ห้องประชุมเลียดประถม อ.เมือง จ.ตราด นายกรีฑา สบโชค ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เป็นผู้เปิดงานการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเขตเศรษฐกิจชายแดนมุมมองแนวคิดของหน่วยภาครัฐ และภาคเอกชนใน จ.ตราด และการฝึกอบรมฝีมือแรงงานรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน และว่าที่ ร.ต.สมศักดิ์ พรหมดำ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน จ.ตราดเป็นผู้ดำเนินการจัดขึ้น ท่ามกลางผู้ประกอบการจำนวนกว่า 300 คนร่วม
ก่อนการสัมมนานั้น นายณรงค์ ธีรจันทรางกูร ผู้ว่าราชการ จ.ตราด ได้กล่าวต้อนรับและกล่าวถึงการสัมมนาครั้งนี้ว่า วันนี้ชาวตราดทุกคน ภาคเอกชน จ.ตราด และภาคราชการจะต้องทำเช่นประเทศสิงคโปร์ เพราะขณะนี้ตราดไม่ใช่เป็นจังหวัดที่เล็กแล้ว การดำเนินการต่างๆ ภาคเอกชนจะต้องมองในเรื่องการออกแบบและพัฒนา จ.ตราด ให้ดี โดยอาศัยเขตเศรษฐกิจพิเศษ วันนี้เราจะต้องเป็นผู้ขาย อย่าเป็นผู้รับไม่เช่นนั้นเราสูญเสียโอกาสไปให้แก่ประเทศอื่นที่มีความพร้อม เพราะจะไปสู้กับประเทศที่ใหญ่ และรวยกว่าเราไม่ได้ คนตราดจึงต้องเข้าใจ และเร่งในการพัฒนาให้เร็วที่สุด
ด้าน ว่าที่ ร.ต.สมศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศให้ จ.ตราด เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเมื่อเดือนมิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบและวิธีการดำเนินการในอนาคต
ทั้งนี้ การดำเนินการต้องอาศัยภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการขับเคลื่อนดังกล่าว แต่การจะก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และเขตเศรษฐกิจพิเศษจะต้องมีการเพิ่มขีดความสามารถของแรงงาน และผู้ประกอบการในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และการบริหารจัดการแรงงานต่างประเทศ ซึ่งเรื่องที่ทางศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน จ.ตราด ร่วมกับหน่วยงานในสังกัด กระทรวงแรงงาน ภาคเอกชนของ จ.ตราด จัดการสัมมนาครั้งนี้
จากนั้นมีการเสวนาเรื่อง “เขตเศรษฐกิจพิเศษ เขตเศรษฐกิจชายแดน และเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และคนตราดได้อะไรจากเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน จ.ตราด” ที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ดร.ยุทธพล ทวะชาลี ที่ปรึกษาสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายสมหมาย ภักดีชาติ ที่ปรึกษาสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนายวรนิติ ไกรลาส ตัวแทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.ตราด ร่วมเสวนาในครั้งนี้
นายสมหมาย กล่าวว่า จ.ตราด มีศักยภาพในเรื่องของภูมิศาสตร์ และพื้นที่การค้าชายแดนที่มีพื้นที่ติดต่อกับกัมพูชา และเป็นพื้นที่ที่จำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ จะมีประชาชนและภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม จะเห็นได้ว่า จ.ตราด มีมูลค่าการค้าที่มีสูง และมีการเชื่อมโยงในเรื่องการท่องเที่ยว และสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะเชื่อมไปสู่กัมพูชาที่ในขณะนี้ฝ่าย สิทธิประโยชน์กำหนดให้ได้เท่ากับเขตการส่งเสริมการลงทุนเขต 3 พร้อมบวกอีก 8 ปี ทั้งนี้ ในเรื่องการจัดงบประมาณรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 900 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างถนน 4 เลน ไปสู่ชายแดนกัมพูชาแล้ว
นายนิยม ชี้ให้เห็นถึงความคืบหน้าของเขตเศรษฐกิจพิเศษว่า ต้องยอมรับว่า จ.ตราด มีศักยภาพที่สูงมากในหลายด้านในเรื่องมูลค่าการค้าชายแดนมีสูงถึง 2.6 หมื่นล้านบาท/ปี และเป็นอันดับ 8 ของประเทศ หากได้มีการพัฒนาจะสามารถมีมูลค่าสูงถึง 5 หมื่นล้านบาท/ปี ทั้งนี้ ทางรัฐบาลได้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ และจะประกาศในวันที่ 1 มกราคม 2558 นี้
ดังนั้น เมื่อมีการลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามที่รัฐบาลได้กำหนดขึ้น แต่การพัฒนาของ จ.ตราด ต้องมองไปที่ประเทศเวียดนาม และการที่ด่านที่ จ.ตราด ที่ชายแดนติดทะเลจึงเป็นเรื่องที่ดี และสามารถขนส่งสินค้าไปยังท่าเรือฮาเตียน และลาเกียได้ โดยไม่ต้องรอส่งเข้าที่ท่าเรือกัมโปด อย่างไรก็ตาม การกำหนดพื้นที่เพียง อ.คลองใหญ่ อย่างเดียวอาจทำให้พื้นที่ไม่พอ จึงควรขยายไปที่อำเภอเมือง และอำเภอบ่อไร่ เพราะสามารถผ่านไปยัง จ.โพธิสัตว์ และพระตะบองและจะเชื่อมไปยังเสียมเรียบได้โดยทางเรือ ซึ่งจะเกิดผลดีต่อการค้าการท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น
ด้าน ดร.ยุทธพล กล่าวว่า วันนี้มูลค่าการค้าชายแดนของ จ.ตราด มีเดือนละ 2 พันล้านบาท แต่ต่อไปจะเพิ่มขึ้นมาก แต่สิ่ง จ.ตราด ต้องมองก็คือ การตั้งจุดขายของจังหวัดที่จะต้องแข่งขันกับเมืองอื่นๆ เพราะหากจะเปรียบกับพื้นที่อื่นๆ เช่น เกาะกง ที่มีการลงทุนนิคมอุตสาหกรรมแล้ว รวมทั้งมีการเตรียมการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกที่ใหญ่กว่า จ.ตราด ที่มีนักลงทุนจากจีนมาลงทุน
ดังนั้น จ.ตราด ควรจะต้องสร้างแลนด์มาร์ก เช่น สถานที่ หรือประเพณีที่ยังแข่งขันไม่ได้ เพราะทุกวันนี้มีการแข่งขันในเรื่องของสงครามความคิดที่จะกำหนดจุดขายเป็นอะไร จ.ตราด น่าจะเหมาะเป็นเมืองแห่งการพักผ่อน จัดสัมมนา การจัดนิทรรศการ หรือการเป็นสถานที่ประชุมที่น่าจะเหมาะสม และสามารถแข่งขันได้กับเมืองอื่นๆ นี่จะเป็นความได้เปรียบของ จ.ตราด
ส่วนนายวรนิติ กล่าวในช่วงท้ายว่า จ.ตราด มีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยวทั้งการเป็นเกาะ และการเป็นกรีนซิตี การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่วันนี้ในแต่ละตำบลมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สามารถเป็นแหล่งรองรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่ส่งเสริมการขายด้านเมืองต้องห้ามพลาด ที่มีตราดเข้ามาอยู่ในเรื่องการตลาดด้วย ที่จะสามารถรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษได้เป็นอย่างดี
สำหรับในช่วงบ่ายมีการมีการแบ่งกลุ่มเพื่อพิจารณาข้อมูล ผลดี ผลเสีย และผลกระทบจากการที่ จ.ตราด จะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ พร้อมนำเสนอข้อมูล และแผนขององค์กรภาคเอกชน รวมทั้งแนวทางในเรื่องการพัฒนาฝีมือแรงงานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษด้วย โดยเฉพาะเรื่องแรงงานที่ จ.ตราด ขาดแคลนที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุด