พระนครศรีอยุธยา - “ลุงหมี” ผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่มุ่งมั่นปั่นวีลแชร์จากเมืองสองแคว ไปลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่โรงพยาบาลศิริราช เดินทางถึงพื้นที่อำเภอบางปะอินแล้ว เตรียมเดินทางต่อพรุ่งนี้ ลั่นแม้ร่างกายจะอ่อนแรงแต่ก็ไม่ท้อ พร้อมเผย “น้อยใจตำรวจทางหลวงพูดจาไม่ดีกับคนพิการ” พร้อมขอโทษประชาชนที่ทำให้การจราจรติดขัด
จากกรณี นายสาธิต จันทะรังสี หรือ “ลุงหมี” อายุ 52 ปี ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลท่าโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ได้เดินทางด้วยรถวีลแชร์จากจังหวัดพิษณุโลก มาตามถนนสายเอเชีย เพื่อไปลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรที่โรงพยาบาลศิริราช และได้เดินทางถึงและพักที่อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา และได้ออกเดินทางออกจากอำเภอบางปะหัน เมื่อเวลา 07.00 น.ของเช้าวันนี้ (23 พ.ย.)
ล่าสุด ลุงหมี พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพิษณุโลกมูลนิธิพุทไธสวรรย์ และรถพยาบาลของโรงพยาบาลพุทธชินราช ที่คอยอำนวยความสะดวกมาตลอดเส้นทางได้เดินทางถึงอำเภอบางปะอิน และได้เข้าพักในพื้นที่อำเภอปางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาแล้ว โดยในวันพรุ่งนี้เช้าลุงหมี จะเดินทางมุ่งหน้าไปยังจังหวัดปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร เป้าหมายที่โรงพยาบาลศิริราชต่อไป
เมื่อลุงหมี เดินทางมาถึงอำเภอบางปะอิน นายเสนอ เหมะนิล ประธานมูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดบางบางปะอิน พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดบางบางปะอิน ได้มารอรับขบวนลุงหมี เพื่อร่วมดูแล และอำนวยความสะดวกให้แก่ ลุงหมี พร้อมกับมอบเงินสดเพื่อร่วมทำบุญให้แก่ ลุงหมี จำนวน 10,000 บาท อีกทั้งยังได้ประสานกับทางอำเภอบางปะอิน จัดสถานที่พักพร้อมอาหารให้แก่ ลุงหมี และเจ้าหน้าที่ที่ติดตามขบวนลุงหมี อีกด้วย
ทั้งนี้ นายสาธิต จันทะรังสี หรือ “ลุงหมี” ได้เปิดเผยถึงความน้อยใจของการเดินทางในวันนี้ว่า “ในระหว่างเดินทางได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง เลขข้างรถ 1104 มาจอดข้างถนน นอกจากไม่อำนวยความสะดวกให้แล้ว ยังพูดจาไม่ให้เกียรติด้วย โดยพูดว่า ลุงหากร่างกายไม่ไหวก็ขึ้นรถไปเสีย มาทำให้การจราจรติดขัดทำไม ซึ่งทำให้ตนเสียใจเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ตนได้พูดต่อว่าตำรวจนายนั้นกลับไปว่า อย่ามาดูถูกคนพิการ คนพิการก็คนนะครับ”
ลุงหมี กล่าวด้วยว่า แม้การเดินทางด้วยการปั่นรถวีลแชร์ ที่เดินทางมาหลายวันจะทำให้สภาพร่างกายของตนอ่อนแรงเพราะต้องใช้กำลังแขนมาก และแรงกดระหว่างพนักพิงกับหลังทำให้ช้ำบวม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ตนย่อท้อที่จะเดินทางไปให้ถึงโรงพยาบาลศิริราชให้ได้ และตนต้องขอโทษประชาชนด้วยที่ทำให้การจารจรติดขัด
