พระนครศรีอยุธยา - เกิดอุบัติเหตุรถบัสนำคณะเจ้าหน้าที่สำนักงานงบประมาณ กรุงเทพมหานครไปสัมมนาที่เชียงใหม่ ชนกับรถยนต์กระบะที่อยุธยาจนตกลงไปในคลองเสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บระนาวกว่า 34 ราย
เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (19 พ.ย.) ร.ต.ท.ศิริวิทย์ แก้วกันหา พนักงานสอบสวน สภ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์บัสชนกับรถยนต์กระบะจำนวน 2 คันมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายรายบนถนนสาย 347 ปทุมธานี-บางปะหัน มุ่งหน้าถนนสายเอเชีย หมู่ 1 ต.โพธิ์สามต้น อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจ มูลนิธิพุทไธศวรรย์ และหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์บัสสีขาวแดง ของบริษัท ธนัชวิชญ์ แทรเวล กรุ๊ป หมายเลขทะเบียน 32-4646 กรุงเทพมหานคร พลิกคว่ำอยู่ในลำคลองสภาพพังยับเยิน ทับรถยนต์กระบะ นิสสัน สีแดง นค - 5039 พระนครศรีอยุธยา ส่วนบนถนนทางเข้าหมู่บ้านพบรถยนต์กระบะอีกคัน ยี่ห้อมิติซูบิชิ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บจ-846 อ่างทอง สภาพถูกเฉี่ยวชนที่บริเวณด้านท้ายพังยับ
ส่วนผู้บาดเจ็บเบื้องต้นมีทั้งหมด 34 ราย ถูกหามส่งโรงพยาบาลบางปะหัน จำนวน 7 ราย, โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช อ.นครหลวง จำนวน 3 ราย และโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา จำนวน 24 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 4 ราย คือ 1.นายสมเกียรติ สาตรี อายุ 46 ปี เป็นคนขับรถบัส, 2.นายพีระศักดิ์ โครตพงษ์ อายุ 29 ปี เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายสำนักงานงบประมาณ กรุงเทพมหานคร, 3.นายบุญลือ แสงประไพ อายุ 60 ปี คนขับรถกระบะนิสสัน และ 4.นายคชาชาญ ธารีสิทธ์ อายุ 50 ปี คนขับรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ารถยนต์บัสคันดังกล่าวอยู่ระหว่างนำเจ้าหน้าที่ของสำนักงานงบประมาณ กรุงเทพมหานคร กว่า 120 เดินทางไปสัมมนาที่ จ.เชียงใหม่ โดยใช้รถยนต์บัสจำนวน 3 คัน คันละ 40 คน คันเกิดเหตุเป็นคันที่ 3 โดยออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
เมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางแยกเข้าถนนหมู่บ้าน รถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ที่วิ่งอยู่ด้านหน้ารถยนต์บัสได้เลี้ยวเข้าหมู่บ้าน จึงพุ่งชนท้ายอย่างแรง ส่งผลให้รถยนต์บัสเสียหลักพุ่งชนรถยนต์กระบะนิสสัน ที่เลี้ยวออกมาจากหมู่บ้านจนตกลงไปข้างทาง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ และผู้บาดเจ็บอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุการเกิดอุบัติอย่างละเอียดอีกครั้ง
