กาญจนบุรี/อ่างทอง/ราชบุรี - ทุกภาคส่วนในจังหวัดกาญจนบุรี อ่างทอง ราชบุรี และชัยนาท ร่วมวางพานพุ่มและถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องใน “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” พร้อมจัดนิทรรศการ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (14 พ.ย.) ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นายกาศพล แก้วประพาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่ม และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องใน “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดกาญจนบุรี ข้าราชการ พนักงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรีเข้าร่วมพิธี
ทั้งนี้ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 กำหนดให้ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น “วันวพระบิดาแห่งฝนหลวง” เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสแสดงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงก่อให้เกิดเทคโนโลยีฝนหลวงในการบรรเทาความทุกข์ยากแก่พสกนิกรให้รอดพ้นความเดือดร้อน และความเสียหายเนื่องจากภาวะภัยแล้ง
โดยในปีนี้เป็นปีที่ 59 นับจากวันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 ที่พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกายคิดค้น วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีการทำฝนหลวงจนประสบผลสำเร็จ ด้วยพระองค์ทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรในถิ่นทุรกันดาร ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และใช้ในการเกษตรกรรม
จังหวัดกาญจนบุรี จึงจัดพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ “พระบิดาแห่งฝนหลวง” ขึ้น เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบิดาแห่งฝนหลวง พร้อมทั้งจัดนิทรรศการพระบิดาแห่งฝนหลวง เผยแพร่พระเกียรติคุณ และพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปได้รับรู้และทราบในพระราชกรณียกิจที่ทรงบำเพ็ญคุณประโยชน์อย่างอเนกอนันต์ต่อประชาชนในโครงการพระราชดำริฝนหลวง
ผู้ว่าฯ อ่างทองนำหัวหน้าส่วนราชการวางพานพุ่ม
ขณะที่บริเวณหอประชุมอำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ได้นำข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชน เข้าร่วมพิธีวางพานพุ่มถวายราชถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง โดยมีส่วนราชการต่างๆ ได้นำพานพุ่มเงินพานพุ่มทองถวายราชสดุดี บริเวณหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้เป็นประธานในพิธีเปิดกรวยถวายเครื่องราชสักการะ และวางพานพุ่ม
พร้อมกับได้กล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ว่า เนื่องในวันวันพระบิดาแห่งฝนหลวง เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หาลู่ทางที่จะทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการในท้องฟ้าให้เป็นไปได้ พระองค์ทรงเชื่อมั่นว่าวิธีการดังกล่าวนี้จะทำให้การพัฒนาระบบการจัดทรัพยากรน้ำของชาติเกิดความพร้อม และครบบริบูรณ์ตามวัฏจักรของน้ำ คือ 1.การพัฒนาระบบการจัดการทรัพยากรแหล่งน้ำใต้ดิน 2.การพัฒนาระบบการจัดการทรัพยากรแหล่งน้ำผิวดิน 3. การพัฒนาระบบการจัดการทรัพยากรแหล่งน้ำในบรรยากาศ จึงมีมติจากคณะรัฐมนตรี ให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง”
ราชบุรีวางพานพุ่มเนื่องใน “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง”
ในส่วนของจังหวัดราชบุรี ได้จัดพิธีวางพานพุ่มและถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมทั้งมีการจัดแสดงนิทรรศการพระราชกรณียกิจด้านฝนหลวงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และข้าราชการที่มาร่วมพิธีได้ชื่นชมพระอัจฉริยภาพของพระองค์ อีกทั้งน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย
โดยที่โรงยิมเนเซียมจังหวัดราชบุรี นายสุรพล แสวงศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่ม และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องใน “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” โดยมี นางพัชราภรณ์ แสวงศักดิ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัด นายอาคม นิตยาภรณ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดราชบุรี พล.ต.ชาติชาย ขันธ์สุวรรณ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกราชบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษาร่วมพิธีดังกล่าว
ชัยนาทจัดพิธีถวายราชสดุดี “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง”
เช่นเดียวกับที่อาคารวิมลคุณากร ศาลากลางจังหวัดชัยนาท นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท พร้อมด้วย นางพรรณี งามขำ นายเฉลิมเกียรติ วรวุฒิพุทธพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนส่วนราชการ เอกชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนจังหวัดชัยนาท ร่วมถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง
นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณ และพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้พสกนิกรทุกคนได้รับรู้ และซาบซึ้งในพระราชกรณียกิจที่ทรงบำเพ็ญคุณประโยชน์อย่างอเนกอนันต์ต่อประชาชนในโครงการพระราชดำริฝนหลวง