บุรีรัมย์ - ชาวนาบุรีรัมย์ลงทุนกางเต็นท์นอนเฝ้าข้าวเปลือกที่ตากไว้ตามลานและริมถนนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อลดความชื้นก่อนนำไปขายเกรงถูกกดราคารับซื้อและป้องกันถูกลักขโมยหลังทุกปีเคยมีแก๊งมิจฉาชีพอาละวาดลักขโมยข้าวเปลือกสร้างความเดือดร้อนเกษตรกรในหลายพื้นที่
วันนี้ (10 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาบ้านไทรโยง ม.3 ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เกือบทั้งหมู่บ้านลงทุนกางเต็นท์นอนเฝ้าข้าวเปลือกที่ทำการเก็บเกี่ยวแล้วนำมาตากไว้ตามลานและริมถนนในหมู่บ้าน เพื่อลดความชื้นก่อนนำไปขายยังโรงสีหรือจุดรับซื้อ เพื่อป้องกันกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพลักขโมย หลังจากทุกปีที่ผ่านมาเคยมีแก๊งมิจฉาชีพออกอาละวาดลักขโมยข้าวเปลือกที่ตากไว้ตามลานและริมถนนสร้างความเดือดร้อนแก่เกษตรกรในหลายพื้นที่
โดยเกษตรกรจะตั้งเต็นท์นอนเฝ้าตามลานหรือริมถนนใกล้กับบริเวณที่ตากข้าวเปลือกไว้ ทั้งกลางวันและกลางคืนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้แก๊งมิจฉาชีพฉวยโอกาสก่อเหตุลักขโมยข้าวได้
นายสันต์ แผ้วพลสง ชาวนาบ้านไทรโยง ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ บอกว่า สาเหตุที่ต้องนำข้าวเปลือกมาตากแดดเพื่อต้องการลดความชื้น โดยจะต้องใช้เวลาตากประมาณ 2-3 วันจึงจะแห้ง เพราะหากนำไปขายสดโดยไม่ตากแดดลดความชื้นเกรงจะถูกผู้ประกอบการโรงสีกดราคารับซื้อ
เนื่องจากปีนี้ไม่มีโครงการรับจำนำข้าวหรือโครงการประกันรายได้เหมือนกับทุกปี ซึ่งขณะนี้ได้มีชาวนาในหมู่บ้านบางรายนำข้าวเปลือกที่เกี่ยวสดโดยไม่ได้ตากลดความชื้นไปขายยังโรงสีแล้วถูกกดราคารับซื้อเหลือเพียงกิโลกรัมละ 10.50 บาท หรือตันละ 10,500 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำไม่คุ้มทุน
ขณะที่นายบุญเหลือ บุตรทอง อายุ 41 ปี ชาวนาบ้านไทรโยงอีกราย บอกว่า ทำนาทั้งหมด 12 ไร่ ขณะนี้ได้ทยอยเก็บเกี่ยวแล้ว ซึ่งหลังเก็บเกี่ยวก็ต้องนำมาตากแดดเพื่อลดความชื้น เพราะเกรงหากนำไปขายสดจะถูกกดราคารับซื้อจึงจำเป็นต้องนำเต็นท์มากางนอนเฝ้าข้าวที่ตากไว้เพราะเกรงจะถูกลักขโมยข้าวซึ่งจะเป็นการซ้ำเติม เพราะปีนี้ไม่มีโครงการรับจำนำหรือประกันรายได้เหมือนทุกปี
อย่างไรก็ตาม อยากให้รัฐบาลและหน่วยงานรัฐเข้ามาดูแลราคารับซื้อข้าวเพื่อให้ชาวนาได้รับความเป็นธรรมด้วย