นครพนม - ไฟไหม้รับลมหนาววอด 4 หลัง ซ้ำหัวฉีดน้ำเสียจังหวะฟาด จนท.ดับเพลิงเจ็บต้องส่งหมอเย็บกว่า 10 เข็ม เสียหายเบื้องต้นราว 3 ล้านบาท คาดไฟฟ้าลัดวงจร
เวลา 12.30 น.วันนี้ (22 ต.ค.) ร.ต.อ.ศิริพงษ์ รังสูงเนิน ร้อยเวร สภ.เมือง จ.นครพนม รับแจ้งเหตุไฟไหม้บ้านเรือนหลายหลังในชุมชนหนองแสง 1 ถนนสุนทรวิจิตร อ.เมือง จึงประสานรถดับเพลิงเทศบาล นรข. และหน่วยงานใกล้เคียง 10 คันไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธนเดช ศรีเรไร ผกก.สภ.เมือง พ.ต.ท.แสวง คนคล่อง สวป. หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลนครพนม และอาสากู้ภัยนครพนม
ที่เกิดเหตุอยู่ข้างกำแพงโบสถ์คริสต์ เพลิงโหมลุกไหม้บ้านไม้ชั้นเดียวเลขที่ 34 ของนายคำนวณ ใยสมุทร วัย 50 ปี ยามรักษาความปลอดภัย วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครพนม ก่อนลุกลามไหม้บ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้นเลขที่ 36 ของด.ต.อุดมพร แสงอรุณ อายุ 45 ปี สังกัด ตชด.236 และบ้านหลังถัดไปเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นของนางมณี เวียนชัย วัย 62 ปี อดีตข้าราชการครู โดยนทั้ง 3 หลังถูกเพลิงไหม้วอดทั้หลัง และลามบ้านหลังสุดท้ายครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น เลขที่ 40/1 บ้านของนายชิดชัย วิวัฒนะพร ประธานสภาเทศบาลเมืองนครพนม ซึ่งให้นายระพีพันธ์ พรหมอาจ อายุ 55 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนเทศบาล 3 เช่าพักอาศัย เสียหายครึ่งหลัง ขณะที่บ้านข้างเคียงอีก 3 หลังได้รับความเสียหายเล็กน้อย
ต่อมานายสมชาย วิทย์ดำรงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ไปอำนวยการดับเพลิง พร้อมนายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม โดยระหว่างเพลิงโหมไหม้อย่างแรง นายมงคลเดช ไชยโกศรี เจ้าหน้าที่ดับเพลิง งานป้องกันเทศบาล ลากสายฉีดน้ำเข้าไปดับในที่เกิดเหตุ หัวฉีดเหล็กหนักกว่า 10 กิโลกรัม ฟาดใส่ศีรษะเลือดอาบ หน่วยกู้ชีพต้องนำส่งโรงพยายาลนครพนม แพทย์เย็บแผลกว่า 10 เข็ม โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลา 30 นาทีเพลิงจึงสงบ
สอบสวนทราบว่า ต้นเพลิงเกิดที่บ้านของนายคำนวณ ขณะเกิดเหตุไปอยู่เวร มีเพียงนางเนตร พิพัฒน์พร ภรรยาวัย 50 ปีอยู่บ้าน ให้การว่าขณะเกิดเหตุกำลังนำหลานเข้านอน ขณะที่นายอนันท์ ใยสมุทร บุตรชายอายุ 23 ปี นั่งดูทีวีอยู่ ได้ยินเสียงระเบิดตูม 1 ครั้ง ก่อนที่คนงานก่อสร้างข้างเคียงจะตะโกนร้องเตือนว่าไฟไหม้จึงนำสายน้ำมาฉีดสกัด แต่เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว อีกทั้งบ้านไม้ที่ติดกัน 3 หลังเป็นเชื้อไฟอย่างดี กระทั่งลามบ้านหลังที่ 4 ค่าเสียหายเบื้องต้นประมาณ 3 ล้านบาท สาเหตุคาดว่าไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง
