สุโขทัย - จังหวัดดีเดย์งาน “ลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ สุโขทัย” 2-6 พ.ย. ดึงมนต์เสน่ห์ 700 ปีมัดใจนักท่องเที่ยว เชื่อคนมากกว่า 1.5 แสนคน เงินสะพัดกว่า 300 ล้าน หลังเว็บดังอังกฤษยกให้เป็นอันดับ 2 จาก 10 งานที่มีสีสันที่สุดในโลก
นายปิติ แก้วสลับสี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เปิดเผยว่า กำหนดจัดงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน-เล่นไฟสุโขทัย วันที่ 2-6 พฤศจิกายนนี้ ที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเมืองมรดกโลก โดยรูปแบบยังคงบรรยากาศย้อนอดีตอาณาจักรโบราณกว่า 700 ปีก่อน เช่น พิธีรับรุ่งอรุณแห่งความสุข พิธีเผาเทียน หมู่บ้านวิถีไทย ตลาดปสาน ตลาดแลกเบี้ย กิจกรรมข้าวขวัญวันเล่นไฟ การแสดงประกอบแสงเสียง การแสดงพลุ ตะไล ไฟพะเนียง การแสดงมหัศจรรย์แห่งน้ำ และตำนานท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ซึ่งมีให้นักท่องเที่ยวได้ชมทุกคืน
นอกจากนี้ ยังมีขบวนอัญเชิญไฟพระฤกษ์ และพระประทีปพระราชทาน พร้อมขบวนแห่วัฒนธรรม 9 อำเภอ ขบวนแห่นางนพมาศ กระทงใหญ่ การแสดงโขน ดนตรีไทย การประกวดกระทงเล็ก โคมชักโคมแขวน พนมหมาก พนมดอกไม้ การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งและหางเครื่อง และมีร้านค้าสหกรณ์ให้เลือกซื้อสินค้าคุณภาพด้วย
จุดเด่นของงานประเพณีนอกจากจัดขึ้นที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต้นกำเนิดของประเพณีแล้ว การแสดงแสงสีเสียงสุดตระการตาอย่าง “ตำนานเมืองสุโขทัย” และ “ตำนานท้าวศรีจุฬาลักษณ์” ก็นับเป็นสิ่งที่ตรึงตาตรึงใจนักท่องเที่ยวอย่างมาก
“แต่ละปีนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติมาเที่ยวงานมากขึ้นทุกปี โดยปี 2556 มีกว่า 150,000 คน เงินสะพัดกว่า 300 ล้านบาท แต่ล่าสุดทาง skyscanner เว็บไซต์ชื่อดังประเทศอังกฤษ ยกให้ประเพณีนี้เป็นเทศกาลตระการตาอันดับ 2 จากการจัด 10 อันดับเทศกาลที่เต็มไปด้วยสีสันน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของโลกอีกด้วย จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อนแน่นอน”
ทั้งนี้ ประเพณีลอยกระทงเชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย โดยสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เรียกว่าพิธีจองเปรียญ หรือการลอยพระประทีป จากศิลาจารึกหลักที่ 1 กล่าวถึงงานเผาเทียนเล่นไฟว่าเป็นงานรื่นเริงที่ใหญ่ที่สุดของกรุงสุโขทัย ทำให้เชื่อว่างานดังกล่าวน่าจะเป็นงานลอยกระทง
ต่อมาจังหวัดสุโขทัย ร่วมกับกรมศิลปากร และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟครั้งแรกเมื่อปี 2520 เพื่อฟื้นฟูประวัติศาสตร์ประเพณีลอยกระทง และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด โดยใช้ชื่องานตามคำในศิลาจารึกว่า “งานเผาเทียน เล่นไฟ” ในวันเพ็ญเดือน 12 ของทุกปี