หวั่นแพง! คนจนบุรีรัมย์แห่ซื้อเสื้อกันหนาวมือสองตุนแต่ต้นฤดู

บุรีรัมย์ - หวั่นราคาแพง ประชาชนผู้มีรายได้น้อยบุรีรัมย์แห่ซื้อเสื้อกันหนาวมือสองราคาถูกกักตุนไว้สวมใส่ช่วงหน้าหนาวคึกคัก ส่งผลพ่อค้าแม่ค้ายอดขายพุ่งวันละ 4,000-5,000 บาท ด้าน ผอ.รพ.เตือนระวังติดเชื้อโรคติดต่อโรคผิวหนังและเชื้อราจากการใช้เสื้อกันหนาวมือสอง พร้อมแนะก่อนใส่ควรฆ่าเชื้อ ต้ม ซักให้สะอาด ตากแดดให้แห้งจนแน่ใจปลอดเชื้อ

วันนี้ (12 ต.ค.) หลังสภาพอากาศหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเช้ามีหมอกปกคลุมกระจายทั่วทั้งจังหวัดบุรีรัมย์ ทำให้บรรดาประชาชน นักเรียนนักศึกษา และผู้มีรายได้น้อยต่างพากันแห่ไปเลือกซื้อเสื้อกันหนาวมือสองราคาถูกตัวละตั้งแต่ 20-100 บาทตามตลาดนัดกันอย่างคึกคัก เนื่องจากมีราคาถูกกว่าท้องตลาดและห้างร้านที่จำหน่ายเสื้อผ้าใหม่ยี่ห้อดัง ซึ่งมีราคาแพงตั้งแต่ตัวละหลายร้อยบาทถึงพันบาท

ประกอบกับช่วงนี้ยังเป็นต้นฤดูหนาว ประชาชนจึงพากันซื้อกักตุนไว้สวมใส่ในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น เพราะเกรงว่าหากซื้อในช่วงเข้าฤดูหนาวแล้วจะทำให้เสื้อผ้ามีราคาแพงขึ้น จึงส่งผลให้ช่วงนี้พ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายเสื้อผ้ามือสองตามตลาดนัดต่างๆ มีรายได้ดีเป็นพิเศษ ยอดขายเฉลี่ยวันละ 4,000-5,000 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงปกติเท่าตัว และคาดว่าหากถึงช่วงฤดูหนาวจะขายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 10,000 บาท

นางศรีสุดา เอี่ยมเดชะศักดิ์ อายุ 50 ปี แม่ค้าขายเสื้อผ้ามือสองตลาดหน้าโรงพยาบาล บอกว่า ช่วงนี้ได้มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อยพากันมาเลือกซื้อเสื้อกันหนาวมือสองคึกคัก เพราะมีราคาถูกและคุณภาพไม่แตกต่างจากเสื้อผ้าใหม่ หากนำไปซักหรือต้มฆ่าเชื้อให้สะอาดสามารถสวมใส่กันหนาวได้เช่นกัน

ด้าน นพ.จรัญ ทองทับ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ กล่าวว่า ได้แจ้งเตือนประชาชนที่นิยมซื้อเสื้อและผ้าห่มมือสองที่มีราคาถูกตามตลาดนัดต่างๆ มาสวมใส่หรือห่มกันหนาว ระวังจะติดเชื้อโรคติดต่อ เช่น เชื้อรา เห็บ เหาที่ติดมากับเสื้อผ้าได้ เพราะส่วนมากเสื้อผ้ามือสองที่พ่อค้าแม่ค้านำมาวางจำหน่ายจะเป็นเสื้อผ้าที่สั่งมาจากทั้งในและต่างประเทศ โดยไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ใช้ เป็นผู้ป่วยหรือเป็นผู้ที่มีโรคที่สามารถติดต่อไปสู่ผู้อื่นได้หรือไม่

“ดังนั้นประชาชนควรจะนำเสื้อผ้ามือสองที่ซื้อมาไปทำการฆ่าเชื้ออย่างถูกวิธี ด้วยการต้ม ซักให้สะอาด ตากแดดให้แห้งจนแน่ใจว่าเสื้อผ้าดังกล่าวได้ปลอดจากเชื้อโรคแล้วเพื่อเป็นการป้องกันโรคติดต่อที่อาจเกิดขึ้นได้แก่ผู้ที่นำมาใช้ หรือทางที่ดีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าควรมีการฆ่าเชื้อในเสื้อและผ้าห่มดังกล่าว ก่อนที่จะนำมาวางจำหน่ายให้ประชาชนผู้บริโภคเพื่อความปลอดภัย” นพ.จรัญกล่าว